ตำรวจ 191 ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 1 เปิดปฏิบัติการบุกจับกุมตัว "จ่ายักษ์" อดีตทหารนอกราชการ ผู้ต้องหาแก๊งอุ้มนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีน เรียกค่าไถ่ 20 ล้านบาท
เมื่อช่วงตี 2 คืนที่ผ่านมา (16 ส.ค.) ที่ สน.โคกคราม ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจนครบาล ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 1 และ ตำรวจ สน.โคกคราม ควบคุมตัว สิบเอก อุทิศ ก่อแก้ว หรือ จ่ายักษ์ อายุ 49 ปี ทหารนอกราชการ อดีตสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย ถูกปลดออกจากราชการ และ เป็น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในฐานความผิดข้อหาร่วมกันบุกรุกในเคหสถาน และ ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ มาสอบสวนดำเนินคดี โดยเจ้าหน้าที่ สามารถจับกุมได้ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ใน จ.ปทุมธานี ขณะกำลังเตรียมจะหลบหนี
สืบเนื่องจาก จ่ายักษ์ พร้อมพวก บุกเข้าไปที่ บริษัทคันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด ก่อนอุ้มตัว นายสุรชัย แซ่ย่าง นักธุรกิจไทยเชื้อสายจีน เป็นประธานบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ไปรีดไถ่เงิน 20 ล้านบาท แต่ญาติขอต่อรองเหลือ 2 ล้านบาท และ หลังได้รับเงิน นายสุรชัย ถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะเข้า ร้องทุกข์ผ่าน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นำมาสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา 10 ราย คือ พลตรี จรูญ อำภา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย พันตำรวจตรี ณัฐกฤษต์ ยุทยา สังกัด กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ส่วนอีก 8 ราย เป็นทหารและพลเรือน
สอบสวน เบื้องต้น นายอุทิศ ให้การรับสารภาพ ว่า เป็นสารวัตรทหารนอกราชการ โดยทำหน้าที่เป็นคนจัดหาและประสานหาคนมาร่วมแก๊งอุ้มรีดดังกล่าว ได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 30,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันนี้ (16 ส.ค.) พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 จะสอบสวนด้วยตนเองที่ สน.โคกคราม ก่อนจะแถลงข่าวต่อไป
"จ่าต้อย"เข้ามอบตัวยันหน้าที่รับงานอาสา
ส่วนในช่วงบ่ายวานนี้ (15ส.ค.) นายฐิติกร ชื่นอุรา หรือ จ่าต้อย อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันอุ้มรีดทรัพย์ นักธุรกิจเชื้อสายจีน ได้เข้ามอบตัวกับ พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ที่ สน.โคกคราม
โดยให้การว่า ตนเอง รู้จักกับนายอุทิศ (จ่ายักษ์) มาประมาณ 1-2 เดือน เนื่องจากมีบ้านใกล้กัน จากนั้นนายอุทิศ (จ่ายักษ์) ชักชวน และ ว่าจ้างให้ไปที่บริษัทของนักธุรกิจคนดังกล่าวจริง เพื่อไปทำหน้าที่อารักขาที่จะไปรับนักธุรกิจชาวจีน
สำหรับตนซึ่งเคยเป็นทหารสังกัดกองพลทหาร ราบที่ 9 (พล.ร.9) ปกติรับงานอารักขาทั่วไปตาม คอนเสิร์ต งานวัด อยู่แล้วจึงรับงานโดยมีทีมอยู่ 5 คน ยืนยันว่า ได้เคยพบ พลตรีจรูญ เพื่อทำหน้าที่อารักขาเพียงอย่างเดียว
แต่ไม่ทราบเรื่อง ว่า คนของนายอุทิศ เข้าไปคุยกับคนจีนภายในห้องเพื่อรีดทรัพย์ เพราะตลอดทางก็พูดคุยเป็นภาษาจีนกัน แต่หลังทราบผ่านทางสื่อโซเชียล ว่า ถูกออกหมายจับ จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการสอบปากคำ ตำรวจไม่ได้คัดค้านการประกันตัว เพราะนายฐิติกร ได้เข้ามอบตัวเอง พร้อมกำหนดหลักทรัพย์ 1 แสนบาท ในการประกันตัว แต่ นายฐิติกร มีหลักทรัพย์ไม่เพียงพอ จึงไม่ได้ยื่นประกันตัว