ผู้บัญชาการภูธรภาค 2 แถลงข่าวการ "แป๊ก ปากหวาน" ฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 14 ปี ใส่เหล็กดัดฟัน ภายในบ้านพัก จ.ฉะเชิงเทรา อ้างทำไป เพราะความเมา สาเหตุที่ต้องฆ่าเหยื่อ เพราะกลัวถูกแจ้งจับ

"แป๊ก"สารภาพข่มขืนเด็ก14 และบีบคอจนตายคามมือ เพราะกลัวถูกจับ

พลตำรวจโท จิตติ รอดบางยาง ผู้บัญชาการภูธรภาค 2 พร้อมด้วยตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา แถลงข่าวจับกุม นายสุพรชัย หนูน้อย หรือ แป๊ก ปากหวาน อายุ 31 ปี ชาว จ.ขอนแก่น หลังถูกจับคดีขโมยรถจักรยานยนต์ชาวบ้าน ในพื้นที่พนัสนิคม จ.ชลบุรี ช่วงเช้าและให้การรรับสารภาพ ว่า เป็นคนฆ่ารัดคอเด็กหญิงอายุ 14 ปีใส่เหล็กดัดฟัน ภายในบ้านพักจังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา

โดย นายแป๊ก ให้การว่า ตนเองอาศัยอยู่ในพื้นที่มานานกว่า 3 ปี เคยแซวผู้เสียชีวิตบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุ ได้ดื่มเบียร์จนเกิดอารมณ์ทางเพศ ช่วงเวลาประมาณ 02.00 - 03.00 น. ได้เดินเท้ามาจากกระท่อม ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 600 เมตร เข้าทางหลังบ้านของเด็กหญิงผู้เสียชีวิต แต่ พบว่าบ้านไม่ได้ล็อกประตูด้านนอก เมื่อเข้าไปในบ้าน พบว่า ห้องนอนไม่ล๊อกประตูและ พบเด็กหญิงนอนอยู่ลำพัง จึงได้เข้าไปใช้กำลังในข่มขืนเด็กหญิงขณะเด็กหญิงนอนหลับ

หลังจากนั้นได้เกิดความกลัว เพราะเด็กหญิงเห็นหน้าแล้ว จึงว่า ใช้มือบีบคอ และ ใช้มืออีกข้างปิดปากปิดจมูกจนเด็กหญิงขาดใจตายคามือจากนั้นได้สวมใส่เสื้อผ้าให้เหยื่อ พร้อมจัดให้อยู่บนที่นอนตาม ก่อนที่จะหลบหนีไป

ยกเลิกคุม"แป๊ก"ทำแผนฆ่าเด็กหญิง14 หวั่นถูกประชาฑัณฑ์

พลตำรวจโท จิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า นายแป๊ก ยอมรับว่า หมายตาเหยื่อมานานแล้ว และ พยายามพูดคุยกับน้องประจำ พอสบโอกาสจึงเข้าลงมือ หลังขืนใจสำเร็จด้วยความกลัวว่า จะถูกจับเพราะ เหยื่อจำใบหน้าได้และรู้ว่าเป็นใคร จึงตัดสิน ฆ่าปิดปากด้วยการบีบคอให้ตาย

หลังการจับกุม ชาวบ้านที่หลายพันคนต่างเดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อรอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพโดยมีตำรวจ 1 กองร้อยไปรักษาความสงบ  ซึ่ง เจ้าหน้าที่ ได้ยกเลิกกระทันหัน เพราะเกรงว่า ผู้ต้องหาจะโดนรุมประชาทัณฑ์จนเป็นอันตรายถึงชีวิต

ผู้การฯฉะเชิงเทรา เผย ดีเอ็นเอ"แป๊ก"ตรงกับคราบอสุจิด.ญ.14

ด้าน พลตำรวจตรี ธีรพล จินดาหลวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า นายแป๊ก เป็นคนงานเลี้ยงปลาและรับจ้างตัดไม้อยู่ในพื้นที่ ช่วงที่ตำรวจเข้าตรวจสอบบ้านใกล้เคียงที่เกิดเหตุเพื่อตามตัวบุคคลต้องสงสัยมาเก็บดีเอ็นเอ พบว่า นายแป๊ก ได้หายตัวไป หลังจากนั้นได้นำประวัติมาตรวจสอบ พบว่า เคยต้องโทษในคดีครอบครองยาเสพติดเมื่อปี 2558 และ ยังมีหมายจับในคดีทำร้ายข่มขืนกระทำชำเราอีก 3 คดี ใน จ.ขอนแก่น เมื่อปี 2551-2559 จึงเก็บ ของใช้ส่วนตัวของผู้ต้องหาเช่น มีดโกนหวีเสื้อผ้ามาทำการส่งไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ผลปรากฎว่า ดีเอ็นเอ"นายแป๊ก"ตรงกับคราบอสุจิที่พบบนเสื้อผ้าเด็กหญิง

นอกจากนี้ ยังพบวา่ นายแป๊ก ได้ไปก่อเหตุชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ ในพื้นที่ สภ.พนัสนิคม เพิ่มอีก 2 คดี สุดท้ายขับรถคันที่ชิงมากลับมาในพื้นที่เกิดเหตุ แต่ระหว่างทางน้ำมันหมด ตำรวจจึงเข้าจับกุมได้ในที่สุด