กรมอนามัย เตือนคนเลี้ยงนก ให้หมั่นทำความสะอาดกรงนกอยู่เสมอ เพราะอาจกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา จนส่งผลกระทบกับปอด และระบบทางเดินหายใจของผู้เลี้ยงได้

นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับบ้านที่เลี้ยงนกว่า ส่งกลิ่นเหม็น และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับเพื่อนบ้านว่า ผู้เลี้ยงนกควรหมั่นทำความสะอาดกรงนกอยู่เสมอ เพราะการเลี้ยงนกนั้น อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่จะติดต่อมาสู่คนได้ เช่น โรคสมองอักเสบจากเชื้อรา ปอดอักเสบ / ท้องเสีย หรือแม้กระทั่งหมัดจากตัวนก

โดยหนึ่งในเชื้อก่อโรคที่น่าห่วงกังวลมากที่สุด คือ เชื้อรา "คริปโตคอคคัส นีโอฟอร์แมนส์" ซึ่งพบมากในมูลของนกพิราบ และนกอื่นๆ เพราะเป็นแหล่งเพาะเชื้อรานี้ได้ดี และประชาชนสามารถรับเชื้อรา "คริปโตคอคคัส" ได้ด้วยการหายใจ เนื่องจากเชื้อราและสปอร์ มีน้ำหนักเบา และถูกพัดพาให้กระจายไปในอากาศได้ง่าย

ดังนั้น ผู้ที่เลี้ยงนกต้องหมั่นทำความสะอาดกรงนกอยู่เสมอ และไม่แนะนำให้ใช้สารเคมี เพราะอาจฟุ้งกระจาย ทำให้คนหรือสิ่งแวดล้อม อาจได้รับอันตรายได้ด้วยเช่นกัน

สำหรับเชื้อราชนิดนี้นั้น จะมีผลที่ปอด ก่อนจะลามไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยผ่านทางกระแสเลือด การเกิดโรคจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ และมีอาการปวดศีรษะเป็นพักๆ หน้ามืด วิงเวียน ปวดขมับ เบ้าตา บางครั้งถึงขั้นอาเจียน ไอและมีเสมหะปนเลือด มีไข้ต่ำ น้ำหนักลด อาจมีหลอดลมอักเสบร่วมด้วย

ในบางคนจะไม่แสดงอาการ แต่เชื้อจะฟักตัวในร่างกายเป็นเวลาหลายปี จนเมื่อร่างกายอ่อนแอ หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง จะแสดงอาการออกมา

โดยกลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กเล็ก / ผู้สูงอายุ / ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ หอบหืด หรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งจะมีอาการรุนแรงกว่าคนปกติ และรักษาได้ยากกว่า / หากประชาชนมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธีต่อไป

กรมอนามัยเตือนทำความสะอาด "กรงนก" ก่อนเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา