เยาวชนในจังหวัดนนทบุรี มานั่งดื่มสุราในผับแล้วเกิดเขม่นกัน ยิงกันตำรวจจับกุมได้ทั้ง2ฝ่าย

ตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี ทำการควบคุมตัวเยาวชนชายอายุ16ปีลูกจ้างร้านทำเบาะ หลังใช้อาวุธปืนยิงคู่อริบริเวณหน้าร้านนั่งต่อถนนนครอินทร์หมู่9ต.ตลาดขวัญอ.เมืองนนทบุรีจ.นนทบุรี พยายามหลบหนีพร้อมกับทิ้งอาวุธปืนไทยประดิษฐ์(ปืนปากกา)

ส่วนคู่กรณีอีก1ฝ่ายได้ขับขี่รถจยย.หลบหนี  แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวไว้ได้ที่บริเวณหน้าปั๊มปตท.ถนนนนทบุรี1ใกล้กรมราชทัณฑ์ พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์จำนวน2กระบอกและอาวุธมีด1เล่มเป็นเยาวชนชายอายุ 17 ปี 2 คน

ซึ่งทั้ง2คนเป็นนักศึกษาของเทคโนชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่จ.ปทุมธานี โดยหนึงในผู้ก่อเหตุได้ทำการขว้างอาวุธปืนทิ้งไปยังฝั่งตรงข้ามของถนนแต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็นและได้นำของกลางพร้อมกับผู้ก่อเหตุทั้งสองส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินดคีตามกฎหมาย

จากการสอบถามเยาวชนชายอายุ16ปีเปิดเผยว่าตนและกลุ่มเพื่อนกว่า10คนได้มาเที่ยวและนั่งดื่มกันที่ร้านนั่งต่อโดยพบว่ามีกลุ่มชาย-หญิงรุ่นเดียวกันนั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้ามและใช้สายตามองมาคล้ายจะหาเรื่องจนกระทั้งตนและกลุ่มเพื่อนกำลังแยกย้ายกันกลับบ้านเมื่อออกมานอกร้านซึ่งเป็นทางเท้าพบเห็นกลุ่มคู่อริได้ยืนรอก่อนที่จะคว้าอาวุธปืนขึ้นมายิง1นัด

จากนั้นตนจึงได้ใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ที่นำซุกซ่อนไว้บริเวณต้นไม้ริมทางใกล้ร้านดังกล่าวยิงตอบโต้ไปจำนวน1นัดจากนั้นได้พยายามวิ่งหลบหนีแต่มาถูกจับได้เสียก่อน

พ.ต.ท.อดิศรศรีสุจินต์รองผกก.ป.สภ.เมือนนทบุรีกล่าวว่าในขณะที่ผู้บังคับบัญชากำลังปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณภายในปั๊มน้ำมันปตท.ถนนนนทบุรี1เพื่อออกตรวจตามพื้นที่ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่ามีเหตุกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธปืนยิงกันโดยหนึ่งกลุ่มได้ขับขี่รถจยย.หลบหนีมาบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันปตท.

จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกั้นถนนทั้ง2ฝั่งเพื่อสกัดจับรถจยย.พร้อมกับผู้ก่อเหตุ2คนที่พยายามหลบหนีจนกระทั้งสามารถจับกุมตัวไว้ได้พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์2กระบอกจึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายขณะเดียวกันจากคำให้การของผู้ก่อเหตุทั้ง3คนให้การว่าอาวุธปืนที่ใช้นั้นได้ซื้อต่อมาจากรุ่นพี่ที่จบไปแล้วซึ่งเคยอยู่สถาบันเดียวกันในราคากระบอกละ1000-2000บาท

นอกจากนี้ยังสังเกตว่าร้านนั่งต่อที่กลุ่มผู้ก่อเหตุไปเที่ยวกันนั้นได้มีการปล่อยให้เยาวชนอายุต่ำกว่า20ปีเข้าไปใช้บริการจึงจะต้องเร่งทำการสอบสวนพร้อมทั้งจะลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้ง