ผู้บริหารซีพีเอฟ เผยบริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมเตรียมมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุพลัดตกบ่อน้ำเสียรายละ 3 ล้านบาท ขณะที่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กลุ่มเพื่อนนักศึกษาของ นางสาวปัณฐิกา ตาสุวรรณนิสิต นักศึกษาคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่างร้องไห้ด้วยความเสียใจ ขณะมาร่วมรับศพ ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ
โดยนางสาวปัณฐิกาเป็น 1 ใน 5 ผู้เสียชีวิต จากอุบัติเหตุตกลงไปในบ่อบำบัดน้ำเสีย ที่บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ซอยบางนาตราด 20
ส่วนความคืบหน้าของคดี ตำรวจนครบาลบางนา ระบุว่า หลังจากนี้ต้องสอบปากคำญาติผู้เสียชีวิตทั้งหมด รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกระดับของบริษัท รวมถึงรอผลสำนวนชันสูตรพลิกศพให้ทราบสาเหตุเสียชีวิตที่แน่ชัด
ก่อนนำหลักฐานทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวนรวบรวม เพื่อสรุปว่า เป็นอุบัติเหตุ หรือ เกิดจากความประมาทของฝ่ายใดหรือไม่ ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะที่ นางนารี อาชโยธา น้าสาว นายพรศักดิ์ บุญบาน หนึ่งในพนักงานบริษัท ซีพีเอฟ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ผู้เสียชีวิต พร้อมพ่อและแม่ ของนายพรศักดิ์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางนา เพื่อให้ปากคำและข้อมูลของผู้เสียชีวิต รวมถึงมารับเอกสารเพื่อไปติดต่อขอรับศพที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ก่อนที่จะนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดชัยภูมิ
โดย นางนารี กล่าวว่า ไม่ติดใจกับการเสียชีวิตของหลานชาย เพราะเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ และทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
หลังเกิดเหตุทางบริษัท ได้ติดต่อเพื่อขอเยียวยาและรับผิดชอบแต่ละครอบครัวแล้ว แต่ไม่ว่า เงินจะได้มาเท่าไรก็คงไม่คุ้มค่ากับการสูญเสียหลานชาย
ส่วนในอนาคต หากตรวจพบว่า เป็นความบกพร่องหรือประมาทจากหน่วยงานใด ก็พร้อมจะหารือกับครอบครัว เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาต่อไป
ด้าน นายปริโสทัต ปุณณภุมิ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านทรัพยากรบุคคล ซีพีเอฟ กล่าวว่า ได้นำญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุผลัดตกท่อบำบัดน้ำเสียมารับศพ เพื่อให้ทุกครอบครัวได้นำศพกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
โดยทางซีพีเอฟ จะเป็นเจ้าภาพงานสวดศพทุกคืน เเละในวันนี้ (25 มิ.ย.) คณะผู้บริหารจะเดินทางไปร่วมงานเเละมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาจำนวน 3 ล้านบาท
ส่วนการช่วยเหลืออื่น อาทิ การให้ทุนการศึกษาบุตร การช่วยเหลือพ่อเเม่ของผู้เสียชีวิตที่มีอายุมาก จะได้มีการพูดคุยกันในโอกาสต่อไป
อย่างไรก็ดี บริษัทซีพีเอฟ ได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการค้นหาสาเหตุอุบัติภัย เพื่อจัดทำมาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุขึ้นซ้ำอีก โดยจะทบทวนระบบมาตรฐานความปลอดภัยของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลยิ่งขึ้นด้วย
ขณะที่ พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวและญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นตนได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือ กสร.เข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างเต็มที่ โดยการลงพื้นที่เพื่อสอบข้อเท็จจริง
รวมถึงดูแลสิทธิประโยชน์ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ที่ลูกจ้างต้องได้รับ และประสานความช่วยเหลือในเบื้องต้นแก่ลูกจ้างและนักศึกษาด้วย
พร้อมทั้งเตรียมดำเนินการตามกฎหมาย หากพบว่าทางบริษัทไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554
พลเอก ศิริชัย ยังเปิดเผยอีกว่า ได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคม หรือ สปส.เร่งเข้าไปดูแลเรื่องสิทธิที่ลูกจ้างต้องได้รับความคุ้มครองจากประกันสังคมแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ลูกจ้างทั้ง 4 คน มีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนเงินทดแทนกรณีเสียชีวิต เนื่องจากการทำงานตามที่กฎหมายกำหนด และได้รับเงินชราภาพจากกองทุนประกันสังคมอีกด้วย
ด้าน นางสาว นิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือ กรอ.นำโดยนายกัมปนาท รุ่งเรืองชัยศรี ผู้อำนวยการสำนักโรงงานอุตสากรรมรายสาขา 1
พร้อมทีมงานจากสำนักเทคโนโลยีความปลอดภัย และสำนักเทคโนโลยีน้ำและสิ่งแวดล้อมโรงงาน ได้เข้าตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้แล้ว รวมทั้งอยู่ระหว่างออกคำสั่งให้โรงงานดังกล่าว หยุดประกอบกิจการตามมาตรา 39 (1) ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 ด้วย
โดยในวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายนนี้ ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรม จะเชิญนายกสมาคมวิศวกรสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย มาร่วมแถลงข่าวถึงสาเหตุจากกรณีที่เกิดขึ้น ข้อกฏหมาย และการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาและข้อพึงปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไป
ขณะที่นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ออกมาเปิดเผยถึงผลการลงพื้นที่ไปตรวจจุดเกิดเหตุว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่อของโรงงาน ซึ่งอาจจะเปิดฝาบ่อบำบัดน้ำเสียทิ้งไว้ แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า เปิดทิ้งไว้เพราะอะไร
ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ ทางกรมโรงงานฯ จะส่งหนังสือให้หยุดประกอบกิจการเฉพาะระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้มีความปลอดภัย และเป็นไปตามหลักวิศวกรรมต่อไป

















