ตำรวจนครศรีธรรมราช เตรียมออกหมายจับเพิ่มผู้เกี่ยวข้องคดีฆ่าสามเณรวัย 17 ปี ฝังโบกปูนในวัด หลังจับผู้ต้องหาแล้ว 3 คน พร้อมเตรียมตรวจสอบผลประโยชน์ในวัดที่คาดว่ามีจำนวนมหาศาล จนกลายเป็นชนวนเหตุ
คดีสามเณรปลื้มวัย 17 ปี ที่หายตัวไป 5 เดือน ล่าสุดตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เข้าขุดจนพบศพถูกฝังอยู่บริเวณหน้าหอไตรอินทสุวรรณ ในวัดวังตะวันตก อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่นายเด่นชัย ภูมินิยม หรืออดีตพระเด่น และนายสุริยา กุศลสุข หรือพระสุริยา นำชี้จุด หลังถูกออกหมายจับพร้อมนางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล หรือบิว ภรรยาของนายเด่นชัย และยังมีผู้เกี่ยวข้องอีก 2 คน ซึ่งถูกกันเป็นพยาน
โดยศพของสามเณรปลื้ม พบอยู่ลึกในดินประมาณ 1 เมตร ปิดทับด้วยปูน 2 ชั้นและตะแกรงเหล็ก และยังถูกหุ้มด้วยผ้าห่ม จีวร เสื่อและถุงดำ หลังนำศพขึ้นมาได้ส่งไปชันสูตร พร้อมรอเทียบดีเอ็นเอพ่อแม่เพื่อยืนยันตัวบุคคลอีกครั้ง
หลังขุดศพเสร็จพลตำรวจโทเทศา สิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้นำผู้ต้องหามาแถลงข่าว ระบุว่า จาการสอบสวนนายเด่นชัย อ้างว่า สาเหตุเกิดจากกระเป๋าเงินของภรรยา คือนางสาวปิยฉัตร ซึ่งมีเงินสดประมาณ 6-7 หมื่นบาท และสร้อยทองหนักประมาณ 6บาทหายไป จึงไปตรวจสอบวงจรปิดจนพบสามเณรปลื้มน่าจะขโมยไป จึงได้เรียกมาสอบถามนานข้ามวัน แต่สามเณรปลื้มบ่ายเบี่ยงรวมถึงยังต่อสู้ จึงได้ลงมือทำร้ายร่วมกับนายสุริยา ที่ขณะนั้นยังบวชอยู่ จนเมื่อ 3 มกราคม ที่ผ่านมา สามเณรปลื้มอาการหนัก จึงตั้งใจพาไปส่งโรงพยาบาล แต่เกิดเสียชีวิตกลางทาง จึงช่วยกันหาวิธีอำพรางศพ ด้วยการขุดหลุมฝัง
โดยทำทีปรับปรุงพื้นที่เทคอนกรีตใหม่และวางพระพุทธรูปทับไว้ไม่ให้มีคนสงสัย พร้อมยอมรับมีกลุ่มบุคคลช่วยเหลือฝังและหาซื้ออุปกรณ์ต่างๆ แต่อ้างว่าภรรยา ไม่เกี่ยวข้อง
ซึ่งหลังก่อเหตุนายเด่นชัยอ้างว่า ได้บวชเพื่อล้างบาปแต่ตำรวจเชื่อว่าเพื่อหาทางอำพรางศพมากกว่า
คดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค8 ระบุ เตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องที่คาดว่ามีเกือบ 10 คน ส่วนที่นายเด่นชัยอ้างว่าภรรยา ไม่เกี่ยวข้อง ก็เป็นเพียงคำอ้าง เพราะสอบสวนทราบว่าอยู่ร่วมขบวนการตั้งแต่เริ่มต้น ขณะที่การตรวจสอบประวัติยังพบว่านายเด่นชัยเคยมีคดีทำร้ายพระมาก่อนด้วย
ส่วนสาเหตุการสังหารเชื่อว่ามาจากเรื่องผลประโยชน์ในวัดจำนวนมหาศาล ทั้งค่าเช่าอาคารร้านค้าและค่าที่จอดรถ วันละ 150,000 บาท ที่ปัจจุบันนายเด่นชัยและภรรยาทำเหมือนเป็นธุรกิจส่วนตัว ซึ่งจากนี้จะต้องกวาดล้างมาเฟียในวัดทั้งหมด
อดีตเจ้าอาวาสยืนยันว่าทั้งนางสาวปิยฉัตร และนายเด่นชัยไม่ได้เป็นญาติ แต่เมื่อ ถามว่าเหตุใดกลุ่มผู้ต้องหา เข้ามาควบคุมวัดได้อย่างเบ็ดเสร็จ พระเทพสิริโสภณเลือกที่จะนิ่งเฉยต่อคำถามนี้