เกิดเหตุความไม่สงบวันเดียวกันใน 2 พื้นที่ โดยที่จังหวัดปัตตานี ทหาร 3 นาย เสียชีวิตกลางตลาดนัด หลังคนร้ายประกบยิงระยะประชิดตัว ขณะที่จังหวัดนราธิวาส คนร้ายกราดยิงครอบครัวผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เสียชีวิต 4 คน บาดเจ็บ 2 คน

เหตุการณ์แรก เกิดขึ้นช่วงเช้าของวานนี้ โดยตำรวจภูธรรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุ บนถนนในหมู่บ้านธรรมเจริญ หมู่ที่ 6 ตำบลโคกสะตอ หลังรับแจ้งว่า มีคนร้ายใช้อาวุธปืน กราดยิงเข้าใส่รถกระบะ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวม 6 คน

ในที่เกิดเหตุ พบรถกระบะสีบอรนส์ จอดเสียหลักอยู่ในพุ่มไม้ริมถนน ภายในรถมีผู้เสียชีวิตด้านเบาะนั่งช่วงแคปหลัง 1 คน คือ นางสน ทองจันทร์ อายุ 44 ปี ถูกกระสุนปืนเข้าที่บริเวณหน้าอก มีกองเลือดกระจัดกระจายภายในห้องโดยสาร ขณะที่ตรงตัวถังรถ และกระจก มีร่องรอยถูกกระสุนปืนเป็นรูพรุน พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม16 / ปลอกกระสุนปืนอาก้า และปลอกกระสุนปืนพก ขนาด 9 ม.ม. ตกกระจายเกลื่อนอยู่พื้นถนน กว่า 20 นัด

และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน ชาวบ้านช่วยกันนำตัวส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลรือเสาะ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 3 คน คือ 1. นายสมชาย ทองจันทร์ อายุ 47 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านศรีภิญโญ ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่หน้าอก และศีรษะ / 2. นางรสิกา ดาด้วง อายุ 39 ปี ภรรยาของนายสมชาย ถูกกระสุนปืนเข้าที่แก้มซ้ายและศีรษะ และ 3. ด.ช. ธนกฤต ทองจันทร์ อายุ 8 ขวบ ลูกชายของนายสมชาย ถูกกระสุนปืนเข้าที่หน้าอกและช่องท้อง

ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 คน คือ ด.ญ.ศิรภัสสร ทองจันทร์ อายุ 12 ปี ลูกสาวของนายสมชาย ถูกกระสุนปืนเข้าที่หัวเข่าด้านซ้าย 1 นัด แพทย์ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อีกคนคือ ด.ญ. ญานิศา ศรีสุวรรณ อายุ 6 ขวบ มีแผลถลอกบริเวณต้นขา คอและแขน ซึ่งแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้าน

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายสมชาย มีภารกิจเข้าร่วมประชุมประจำเดือน ณ ที่ว่าการอำเภอรือเสาะ จึงชวนภรรยาและพี่สะใภ้ รวมทั้งลูกและหลาน รวม 6 คนมาด้วย โดยจะไปส่งภรรยาไปทำธุระ พร้อมส่งลูกและหลานไปโรงเรียนก่อนเข้าประชุม แต่มาถึงที่เกิดเหตุ กลับมีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ดักซุ่มในป่าริมทาง

เมื่อรถกระบะคันนี้ผ่านมา คนร้ายได้ออกมา ใช้อาวุธปืนยิงถล่มไปที่รถ จนรถเสียหลัก ตกไหล่ทาง ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 4609 ได้ยินเสียงปืน จึงได้นำกำลังมาตรวจสอบ และนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลดังกล่าว

ด้านญาติของครอบครัวผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้นำร่างของทั้ง 3 คน ไปบำเพ็ญกุลที่วัดบ้านเกิด ในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ส่วนนางสน ทองจันทร์ พี่สะใภ้ ญาติได้นำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านใหญ่ อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี พร้อมวิงวอนให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้โดยเร็ว

ด้านพันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมยืนยันว่า จะเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี เพราะก่อเหตุอย่างอุกอาจ และขอประณามการกระทำของกลุ่มคนร้ายดังกล่าวว่า เป็นฝีมือของคนขี้ขลาด ไร้อุดมการณ์ และมีพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์ป่า เนื่องจากกระทำต่อคนที่ไม่มีทางสู้ คือ เด็กและผู้หญิง

เบื้องต้นคาดว่า น่าจะเป็นฝีมือของผู้ที่ชอบสร้างสถานการณ์ความรุนแรงเป็นประจำ หลังจากนี้ จะนำหลักฐานจากทุกหน่วย มาใช้ในการเร่งติดตามตัวกลุ่มคนร้าย และเร่งเยียวยาผู้บาดเจ็บ และครอบครัวผู้เสียชีวิต

ขณะที่แนวทางการสืบสวนของตำรวจ เบื้องต้น รู้เบาะแสผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุแล้ว พร้อมประสานขอกำลังทหารพรานในพื้นที่ ไปปิดล้อมนำตัวมาขยายผลต่อไป และนำปลอกกระสุนปืนไปตรวจสอบ เพื่อเปรียบเทียบกับปลอกกระสุนปืน ที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุอื่นๆในพื้นที่ เพื่อดูว่า เป็นอาวุธปืน ที่เคยใช้ก่อเหตุที่ใดบ้าง จากนั้น จะสามารถรู้เบาะแสของคนร้ายว่า เป็นกลุ่มใด

ต่อมา ในช่วงค่ำ ที่จังหวัดปัตตานี เกิดเหตุคนร้าย ใช้อาวุธปืนบุกยิงทหาร ภายในตลาดหมู่บ้านตาแบะ ตำบลลางา อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ริมถนนสาย มายอ- ปาลัส เป็นเหตุให้ ทหาร 3 นาย เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ

ประกอบด้วย 1. จ่าสิบเอก อาหามัด สะมะอาลี อายุ 32 ปี / 2. พลทหาร ธนากรณ์ ขิมทองดอนดู่ อายุ 22 ปี และ 3. พลทหาร ณรงค์ศักดิ์ มามุ่ย อายุ 23 ปี ทั้งสามคน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนสั้น 9 มม.เข้าที่ศีรษะและลำตัว

นอกจากนี้ ยังมีพลเรือน 1 คน คือ นายดอแมง ปะดอ เจ้าหน้าที่ไปรษณีปาลัส ถูกลูกหลงเข้าที่ขา ถูกนำส่งโรงพยาบาลมายอ จังหวัดปัตตานี ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน 9 มม.จำนวน 12 ปลอก และพบหัวกระสุนอีก 4 หัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บเป็นหลักฐาน

จากการสอบสวน ทราบว่า ทหารดังกล่าว มาอยู่ประจำจุดตรวจบ้านบาโง ก่อนเกิดเหตุ ได้สวมชุดนอกเครื่องแบบ เดินมาซื้ออาหารในตลาดนัด ระหว่างนั้น มีชาวบ้านจำนวนมาก เดินเลือกซื้อข้าวของเช่นกัน

จากนั้น มีคนร้ายประมาณ 7-8 คน เดินตามประกบทหารทั้ง 3 นาย พอสบโอกาส ใช้อาวุธปืนจ่อยิง ทั้ง 3 คนพร้อมกัน โดยไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของชาวบ้านนับร้อยคนในตลาด และคนร้ายฉวยโอกาสช่วงชลมุนหลบหนีไปได้

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ เชื่อว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ และเป็นการท้าทายของกลุ่มคนร้าย ที่อยู่นอกเหนือกับกลุ่มพูดคุย หลังจากที่กลุ่มมาราปัตตานี เข้ามาร่วมพูดคุยสันติสุขกับตัวแทนรัฐบาลไทย และมีข้อตกลงเรื่องพื้นที่ปลอดภัย

ขณะเดียวกันช่วง 5 ทุ่มที่ผ่านมา มีรายงานเข้ามาว่า มีพลเรือนอีก 1 คน ถูกลูกหลง ขณะขับขี่รถจักรยาน ยนต์ผ่านตลาดนัด โดยกระสุนเข้าที่ขา 1 นัด คือ นายนาวาวี มะเด็ง เเต่เจ้าตัวไม่กล้าหยุดรถ ทนเจ็บรีบเข้ารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลปะนาเระ

ด้านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดนราธิวาสว่า เรื่องนี้ สื่อจะไปคิดหรือเขียนสาเหตุว่า คนร้ายต้องการตอบโต้การพูดคุยสันติสุขไม่ได้ เพราะทุกอย่าง อยู่ในกระบวน การพูดคุย เมื่อพูดคุยกันอยู่ แสดงว่า ยังมีทางออกอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่า ไม่คุยแล้วจะไม่มีปัญหา

พร้อมกันนี้ พลเอกประยุทธ์ บอกว่า สถานการณ์ในภาคใต้ ไม่เหมือนกับสถานการณ์ของต่างประเทศ ฉะนั้น เราต้องแก้ปัญหาภายในของเราให้ได้ ไม่ต้องให้คนอื่นเข้ามาช่วยแก้ไข ซึ่งต้องทำควบคู่การพัฒนา ยิงกันก็ต้องแก้ให้ได้ หามาตรการป้องกัน อย่าเอาเพียงเหตุการณ์เดียวไปตีไม่ได้ และนายกฯไม่จำเป็นต้องสั่งทุกเรื่อง เพราะได้มอบอำนาจไปหมดแล้ว

ขณะเดียวกัน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ได้สั่งให้ดำเนินการทำงานทางด้านยุทธวิธี และด้านการข่าว แต่ต้องขอดูก่อนว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากสาเหตุอะไร ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า ใครเป็นคนทำ และทำเพราะอะไร แต่ในพื้นที่มีกล้องวงจรปิดอยู่ ก็จะต้องนำมาตรวจสอบ

ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการที่แกนนำระดับปฏิบัติการหลายคน สมัครใจร่วมโครงการกับรัฐบาล จึงทำให้เกิดการต่อต้านขึ้นหรือไม่นั้น พลเอกประวิตร บอกว่า ยังไม่แน่ใจ และยังตอบไม่ได้ ขอให้กองทัพภาคที่ 4 และฝ่ายการข่าว รายงานสถานการณ์เข้ามาก่อน เพราะหลายเหตุการณ์ ก็มีทั้งคดีที่เกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรม หรือเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับคดีความมั่นคง แต่ที่ผ่านมา ถือว่า สถานการณ์ความรุนแรงลดลงอย่างต่อเนื่อง ถ้าเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้ออกแถลงการณ์ ประณามผู้ก่อเหตุความรุนแรงว่า เป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และละเมิดต่อสิทธิในการมีชีวิต เสรีภาพและความมั่นคงในการดำรงชีวิตของบุคคล ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน

โดยเฉพาะสิทธิในชีวิตและร่างร่างกายอย่างร้ายแรง ซึ่งประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคี กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) และมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2540

พร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และเรียกร้องให้ทุกฝ่าย เคารพสิทธิในชีวิตและร่างกายของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งจะนำพาให้เกิดความสงบสุขและสันติสุขในประเทศไทย

อุกอาจ!! คนร้ายกราดยิงครอบครัวผช.ผญบ.ที่นราธิวาส เสียชีวิต 4 เจ็บ 2