นายกรัฐมนตรีไม่ได้ร่วมออกกำลังกายร่วมกับข้าราชการทำเนียบรัฐบาล เหมือนทุกสัปดาห์ เนื่องจากต้องเดินทางไปเป็นประธานในพิธีรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 'พลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี'ในช่วงเย็น

เมื่อช่วงบ่าย วานนี้ (22ก.พ.) พลเอก โง ซวน หลิก (Ngo Xuan Lich) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนาม ได้เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการเพิ่มมูลค่าทางการค้ากับเวียดนามเป็น 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี พ.ศ. 2563 ตามที่เคยได้ตั้งเป้าและหารือร่วมกันไว้กับฝ่ายเวียดนาม

ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนาม ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งนายกรัฐมนตรี รู้สึกซาบซึ้ง และขอบคุณเวียดนามที่ได้ร่วมแสดงความอาลัย

ต่อมาในช่วงบ่ายเวลา 15.30 น. ซึ่งตามปกติทุกวันพุธ นายกฯ ต้องร่วมออกกำลังกายประจำสัปดาห์ร่วมกับข้าราชการประจำทำเนียบรัฐบาล แต่วานนี้ (22ก.พ.) นายกฯ ไม่ได้เข้าร่วมออกกำลังกายเหมือนทุกสัปดาห์ โดยนายกฯ ได้สวมสูทเดินลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อมาสังเกตการณ์ประมาณ 10 นาที ก่อนเดินขึ้นตึกไป ขณะที่ข้าราชการทำเนียบรัฐบาล ยังคงร่วมกันออกกำลังกายด้วยการเต้นแอโรบิคตามปกติ

จากนั้นเวลา 17.00 น. พลเอก ประยุทธ์ เดินทางไปเป็นประธานในพิธีรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี อดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร โดยในมีบุคคลสำคัญมาร่วมรดน้ำศพจำนวนมาก เช่น พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอกสุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี และเพื่อนร่วมรุ่นจปร.5 ของพลเอกอิสระพงษ์

สำหรับภารกิจของนายกฯ มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ โดยจะไปพบปะกับประชาชน และเกษตรกร พร้อมเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์ส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนอุ่มแสง บ้านอุ่มแสง ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนเดินทางกลับในช่วงเย็น

ขณะที่วานนี้ (22ก.พ.) ในโลกออนไลน์เกิดกระแสข่าวว่า รัฐบาลเตรียมจะยกเลิกโครงการบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค เพราะเป็นภาระด้านงบประมาณ ทำให้พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องออกมาชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมมือกันดูแลประชาชนอย่างดีและได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ดีขึ้น โดยปีงบประมาณ 2561 กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพิ่มขึ้นจากเดิม เป็นเงิน 128533 ล้านบาท หรือ คิดเป็นเงิน 3197 ต่อหัว ซึ่งประชาชนยังคงได้รับสิทธิเช่นเดิม และมีส่วนที่จะได้รับเพิ่มขึ้นคือ ค่าบริการวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ค่าบริการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ และค่าบริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน รัฐบาลจึงอยากให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องก่อน โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย เพราะหลายครั้งข้อมูลถูกบิดเบือนจนทำให้สังคมหลงเชื่อในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง

นายกฯร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 'พล.อ.อิสระพงศ์'