คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เผยผลสอบสินบนกล้องซีซีทีวีรัฐสภาปี 2549 พบว่า มีแนวโน้มเกิดการทุจริตจริง เพราะพบสิ่งผิดปกติ บริษัทชนะประมูลด้วยราคาจัดซื้อจัดจ้างต่ำกว่าราคากลาง เตรียมประสาน ป.ป.ช.ขอข้อมูลเพิ่ม ก่อนสรุปเสนอประธานสนช.สัปดาห์หน้า
พลอากาศเอกวีรวิท คงศักดิ์ ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริการะบุว่า มีการจ่ายสินบนโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดซีซีทีวีในรัฐสภาปี 2549 เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการเตรียมสรุปรายงานผลการตรวจสอบแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จและส่งไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ในสัปดาห์หน้า จากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลที่ได้จากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างกล้องซีซีทีวีของรัฐสภาที่ตรงกันหลายจุด ทั้งช่วงเวลา บริษัทที่เข้ามาเกี่ยวข้องและขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งมีแนวโน้มว่า เกิดการทุจริต ตั้งแต่ราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้างที่กำหนดไว้ประมาณ 30 ล้าน 7 แสนบาท โดยบริษัท ไทโก้ ไฟร์ซีเคียวริตี้ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกในไทย เป็นผู้ชนะการประมูลด้วยราคาจัดซื้อจัดจ้าง 29 ล้านบาท หรือต่ำกว่าราคากลาง ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ส่วนต่างเกือบ 2 ล้านบาทนั้น จะเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้งานประมูลครั้งนี้หรือไม่ แม้จะมีการแข่งขันการประมูลกันอย่างโปร่งใสถึง 48 ครั้งก็ตาม
พลอากาศเอกวีรวิท กล่าวอีกว่า ตรวจสอบประวัติพบว่า บริษัท ไทโก้ ไฟร์ซีเคียวริตี้ฯ เดิมชื่อบริษัท ไทโก้อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2535 และเป็นคู่สัญญาชนะการประมูลจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ให้รัฐสภาครั้งแรกเมื่อปี 2544 จากนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไทโก้ ไฟร์ซีเคียวริตี้ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับบริษัทแม่ และได้รับงานประมูลของรัฐสภาอีกครั้งเมื่อปี 2549 ในการติดตั้งระบบโสตทัศนูปกรณ์เพื่อเผยแพร่ภาพการประชุมคณะกรรมาธิการผ่านทางระบบโทรทัศน์วงจรปิด และยังมีรายงานข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาว่า บริษัท ไทโก้ ไฟร์ซีเคียวริตี้ แอนด์ เซอร์วิสเซส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ยังได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาในไทยเป็นนอมินี ประมาณ 50000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2 ล้านบาท จึงได้ประสานขอข้อมูลไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แล้ว และเตรียมหารือนอกรอบกับป.ป.ช.ในวันนี้ (22 ก.พ.)
ส่วนความคืบหน้าการยึดทรัพย์นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวกรวม 6 คนในคดีทุจริตโครงการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) มูลค่า 20000 ล้านบาทนั้น ล่าสุดนางสาว วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมการค้าต่างประเทศ ได้ส่งหนังสือมอบอำนาจยึดทรัพย์และข้อมูลสืบทรัพย์ในลอตแรกให้กรมบังคับคดี เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ตามกระบวนการแล้ว โดยขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในต่างจังหวัดทั้งหมดว่า ทั้ง 6 ราย มีทรัพย์สินอยู่ตรงไหนบ้าง เพื่อส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กรมบังคับคดี โดยจะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วยหน่วยงานที่เชี่ยวชาญการสืบทรัพย์ เพื่อมาช่วยกระทรวงพาณิชย์ในการสืบทรัพย์เพิ่มเติม