สองเด็กชายชั้น ป.6 ที่นครราชสีมา พากันไปซื้อกระป๋องแก๊สในห้างสรรพสินค้ามาสูดดมแทนดมกาว เสียชีวิตทันที 1 คน อีกคนนำส่งโรงพยาบาลอาการปลอดภัย
ตำรวจภูธรขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา เข้าตรวจสอบศพ เด็กชายอายุ 12ปี นักเรียนชั้นป.6 โรงเรียนวัดแห่งหนึ่งในตำบลโนนเมือง อำเภอขามสะแกแสง เสียชีวิตสภาพนอนหงาย มีกระป๋องแก๊ส และถุงพลาสติกแบบหูหิ้วตกอยู่ข้างศีรษะ ไม่พบร่องรอยบ่งบอกเป็นเหตุฆาตกรรม
เจ้าหน้าที่จึงมอบให้หน่วยกู้ภัย เคลื่อนย้ายศพส่งไปให้แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยเหตุเกิดด้านหลังห้างสรรพสินค้า เย็นวานนี้ (19ก.พ.) นอกจากนี้พลเมืองดียังพบเด็กชายอีกคน ซึ่งเป็นเพื่อนชั้นเดียวกัน สูดดมสารระเหยด้วย โดยได้นำตัวส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นอาการปลอดภัย
ตำรวจ ระบุว่าผลการสอบสวนทราบว่า เด็ก 2 คน รู้เท่าไม่ถึงการณ์ มาซื้อแก๊สกระป๋องที่ห้างฯ ซึ่งเป็นแก๊สให้พลังงานความร้อน กลุ่มนักท่องเที่ยวนำมาใช้หุงต้มขณะทำกิจกรรมแค้มป์ปิ้ง แต่เด็กทั้ง 2 คน นำมาใช้สูดดมแทนดมกาว โดยใช้ถุงพลาสติกแบบหูหิ้วครอบศีรษะ และฉีดพ่นแก๊สเข้าไป จนเสียชีวิตทันที 1 คน ขณะที่อีกคนนอนสลบอยู่ใกล้กัน พลเมืองดีรีบนำส่งโรงพยาบาล รอดชีวิตหวุดหวิด
ด้านพระครู ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษาดังกล่าว เปิดเผยว่าโรงเรียนแห่งนี้ ก่อตั้ง ปี 2535 เพื่อเป็นสถานศึกษารองรับเด็กและเยาวชน ที่มีปัญหา หรือถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ทั้งนี้เด็กที่เสียชีวิต เคยมีปัญหาติดสารระเหยและขาดผู้อุปการะ ซึ่งถูกส่งตัวมาจากอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว 2 เดือนที่ผ่านมา
กรณีนี้รองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุแก๊สปิกนิกที่เด็กชายผู้เสียชีวิตซื้อมา มีส่วนประกอบของก๊าซสองชนิดเช่นเดียวกับแก๊สหุงต้มทั่วไป คือก๊าซบิวเทนและโพรเพน ซึ่งเป็นก๊าซที่ร่างกายมนุษย์ไม่ต้องการ นอกจากนี้ก๊าซหุงต้มปกติจะไม่มีกลิ่น แต่ก็มีการเติมเข้าไปเพื่อเตือนกรณีเกิดแก๊สรั่ว ซึ่งสารตัวนี้หากสูดดมจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ โดยกรณีนี้เมื่อเด็กใช้ถุงครอบศีรษะและฉีดแก๊ซจากกระป๋องเข้าไปจึงทำให้ขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต
สำหรับแก๊สกระป๋องปิกนิกดังกล่าวนั้น รองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์วีรชัย ยืนยันหากนำไปใช้ประกอบอาหารตามปกตินั้นก็จะไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด