พิซซ่าหน้าวัด หรือ ขนมถังแตกตาทัย วัยรุ่นเรียกพิชซ่าหน้าวัด ขายกันมานานกว่า 40 ปีแล้ว ตกทอดมาจนถึงรุ่นหลาน
พิซซ่าหน้าวัด หรือขนมถังแตกตาทัย วัยรุ่นเรียกพิชซ่าหน้าวัด ขายกันมานาน กว่า 40 ปีแล้ว ตกทอดมาจนถึงรุ่นหลาน ที่ลาออกจากพนักงานบริษัทมาสืบทอดร้านแห่งนี้แทนลุงทัยต้นตำรับที่อายุเยอะไม่สามารถขายให้กับลูกค้าได้ทัน ดังนั้นพอมาถึงคนรุ่นใหม่ แน่นอน ต้องปรับปรุงสูตรและใส่ความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มไส้แปลกๆเอาใจวัยรุ่น
นายเจนวิทย์ ชิ่นพระแสง เจ้าของร้านรุ่นปัจจุบัน บอกว่า ของขายดีตั้งแต่เช้า จนแป้งที่เตรียมไว้ 25-30 กิโลกรัมหมด โดยส่วนใหญ่หมดประมาณบ่ายสองโมงของทุกวัน
ซึ่งนายเจนวิทย์ เล่าว่า เดิมตนเองทำงานเป็นพนักงานฝ่ายการตลาดบริษัทเอกชน จนเมื่อ 6 ปีก่อน นายอุทัย บรรทอง อายุ 77 ปี ลุงแท้ๆที่เป็นเจ้าของสูตรทำขนนถังแตก ได้ให้ตนเองมาช่วย ก่อนมอบสูตรทำขนนถังแตกให้ เพื่อรับช่วงไม่ให้สูตรขนมถังแตกตาทัยหายไป เนื่องจากลุงอุทัยอายุมากแล้วเริ่มทำไม่ไหว และไม่มีลูก ตนเองซึ่งเป็นหลานจึงตัดสินใจ ลาออกจากงานประจำมาฝึกทำขนนถังแตก หลังจากนั้นลุงอุทัยก็ยกรถเข็น และอุปกรณ์ทั้งหมดที่เคยขายกว่า 40 ปีให้
เมื่อได้รับช่วง ก็เริ่มขาย 2 ไส้ คือไส้มะพร้าวโรยน้ำตาลงา และสังขยาแดง แต่ก็มีกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและนักเรียน มาช่วยออกไอเดียให้เพิ่มไส้อย่างอื่นบ้าง จึงเริ่มเพิ่มไส้ใบเตย ไส้ข้าวโพด ไส้เค็มหน้ากุ้ง ไส้เผือกและลูกเกด โดยจะขายชิ้นละ 10 บาท ส่วนไส้หมูหยองและไส้ฝอยทอง จะขายชิ้นละ 15 บาท ซึ่งในแต่ละวันก็จะมีลูกค้าประจำและกลุ่มนักเรียนแวะมาซื้อไม่ขาดสาย
ไส้ที่ขายดีที่สุดก็ยังคงเป็นไส้มะพร้าวโรยน้ำตาลงา และสังขยาแดง สูตรดั้งเดิม โดยในแต่ละวันจะขายอยู่ที่ประมาณ 600-700 ชิ้น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบที่สูตรแป้งขนมที่ใช้แป้งข้าวเจ้าเป็นตัวหลัก เมื่อนำไปอบในพิมพ์เหล็กที่สั่งทำเป็นพิเศษ จะทำให้แป้งกรอบนอกนุ่มใน แต่ถ้าเย็นแป้งก็จะนิ่มไม่แข็ง ถือว่าเป็นสูตรของทางร้าน ที่ทำให้ลูกค้าติดใจในรสชาติและราคาที่ไม่แพง