ตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี คุมตัวชายวัย 40 ปีทำแผนฆ่าเผาภรรยาตัวเอง
ตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี นำตัวนาย นายปรีชา หรือ เหว่ หรือ โต มงคล อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาฆ่า น.ส.สุชาดา หรือเจี๊ยบ ลุนชัยภา อายุ 23 ปี ภรรยาตนเอง ก่อนนำศพไปเผาอำพรางคดี ที่ป่าละเมาะ ใกล้กับศูนย์จัดการขยะ ทน.อุดรธานี บ้านดอนภู่ ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากที่ถูกตำรวจจับกุมตัวได้เมื่อวานนี้
โดยการทำแผน เริ่มจากบ้านที่เกิดเหตุภายในห้องนอน ที่นายปรีชาฯ ใช้ไม้ตีเข้าที่ศีรษะ น.ส.เจี๊ยบ ภรรยาสาว จนแน่นิ่ง จากนั้นได้ห่อร่างภรรยาออกมาขึ้นรถสามล้อเครื่องสกายแลป ขับขี่ออกไปทางแยกบ้านหนองใส จากนั้นได้ขี่รถไปเรื่อยๆ จนถึงที่หน้าวัดบ้านดอนภู่ ต.สามพร้าว ซึ่งเป็นจุดก่อนที่จะนำร่างของ น.ส.เจี๊ยบ ไปเผา
โดยจุดนี้นายปรีชาฯ ได้จอดรถเพื่อดูว่า น.ส.เจี๊ยบฯ เสียชีวิตหรือไม่ โดยนายปรีชาฯ บอกว่า ถ้าดูแล้วว่า น.ส.เจี๊ยบ ยังไม่ตาย จึงตั้งใจจะนำกลับไปโรงพยาบาลฯ เพื่อรักษาตัว แต่เมื่อดูว่า น.ส.เจี๊ยบ ตายแล้ว จึงขับขี่รถสามล้อเครื่องออกไปยังจุดที่จะนำร่างไปทิ้งในป่าข้างทาง แต่ไม่ทิ้ง เพราะเป็นป่าทึบกลัวไฟไหม้ลาม และยังมีคนใช้เส้นทางผ่านไปมา
จากนั้นเป็นจุดที่นำร่าง น.ส.เจี๊ยบ ไปเผา ที่แยกจากศูนย์กำจัดขยะ จึงตัดสินใจขับขี่รถเข้าไป จนไปที่จุดที่เผาร่างของ น.ส.เจี๊ยบ จนถึงจุดที่นำตัว น.ส.เจี๊ยบ ภรรยาไปเผาที่ป่าละเมาะ โดยนายปรีชาฯ เคยมาแถวนี้เพื่อจับหนู หาผักไปทำกิน โดยอุ้มร่างของ น.ส.เจี๊ยบ ที่ห่อด้วยผ้าห่มวางใต้ต้นไม้ ใช้กางเกงยีนส์พันศีรษะ น.ส.เจี๊ยบ เพื่อห้ามเลือด และใช้น้ำมันที่ดูดออกจากรถสามล้อเครื่องราดและเผา
ซึ่งก่อนเผาได้ยืนไหว้ขอขมาศพของภรรยา จากนั้นจึงขับขี่รถสามล้อออกไป และนำรถไปล้าง ก่อนจะย้อนกลับมารับลูก 2 คน ไปส่งบ้านน้องสาว ที่ จ.ร้อยเอ็ด ก่อนจะนำตัวไปฝากขังยังศาล จ.อุดรธานี โดยการทำแผนครั้งนี้ ญาติพี่น้องของ น.ส.เจี๊ยบ มาดูการทำแผน พร้อมกับร้องไห้เพราะว่าเห็นใจนายปรีชา โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง
ขณะที่ นางไสว ลุนชัยภา อายุ 63 ปี แม่ของ น.ส.เจี๊ยบฯ ที่อยู่ในอาการเศร้าโศก บอกว่า ไม่ได้คิดโกรธเคืองตัวนายปรีชาฯ แต่อย่างใด เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และหากนายปรีชาฯ พ้นโทษออกมา ก็สามารถมาอยู่ที่บ้านได้เหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมานายปรีชาฯ ก็เป็นคนดี ขยันทำมาหากิน จนคนในบ้านรักชอบนิสัยที่ขยันขันแข็ง ส่วนลูกทั้งสองคนก็จะเลี้ยงให้จนกว่าจะพ้นคดีออกมา และก็จะพาลูกทั้งสองไปเยี่ยมนายปรีชาฯ