พาไปชิมข้าวหมากหวาน ของกินพื้นบ้านฝีมือชาวบุรีรัมย์ จากชาวบ้านไผ่ลวก ทำเป็นอาชีพเสริมหลังทำนาวางขายริมถนน หมู่บ้านเดียวในจังหวัด
ชาวบ้านบ้านไผ่ลวก หมู่ที่ 10 ตำบลชุมแสง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ กว่า 20 ครัวเรือน อนุรักษ์ภูมิปัญญาตั้งแต่รุ่น ปู่ ย่า ตายาย ทำข้าวหมากหวานอาหารไทยพื้นบ้านที่มีมาแต่โบราณ ขายเป็นอาชีพเสริมหลังว่างเว้นจากการทำนา นำมาวางขายริมถนนสาย อ.สตึก – กระสัง สร้างรายได้วันละ 300 – 500 บาท หากเป็นช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันก็จะมีนักท่องเที่ยวแวะซื้อเป็นของฝาก ทำให้มีรายได้เฉลี่ยวันละ 1000- 2000 บาท และเป็นหมู่บ้านเดียวที่ยังอนุรักษ์การทำหมากหมู่บ้านเดียวในจังหวัด
วิธีการทำข้าวหมาก คือ นำข้าวสารซึ่งเป็นข้าวเหนียวที่เก็บเกี่ยวประมาณ 1 ปีเพราะหากเป็นข้าวเหนียวใหม่หากนำไปทำข้าวหมากจะเละ จากนั้นล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำนึ่งให้สุก ก่อนจะนำไปล้างด้วยน้ำสะอาด ต่อจากนั้นนำไปผสมกับลูกแป้งข้าวหมากที่บดละเอียด (อัตราส่วน ลูกแป้ง 1 ลูกต่อข้าว 1 กิโลกรัม) คลุกเคล้าให้เข้ากัน นำไปใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ ปิดภาชนะให้มิดชิด เก็บไว้ในที่แห้งและเย็นไม่ควรให้โดนแดด หมักทิ้งไว้ประมาณ 2 - 3 วัน ก็จะได้ข้าวหมากที่มีเม็ดข้าวนุ่ม หอม และมีกลิ่นของแอลกอฮอล์เล็กน้อย เสร็จเรียบร้อยก็นำไปห่อใส่ใบตองคล้ายกับขนมสังขยาขายห่อละ 2.50 บาท 4 ห่อ 10 บาท ส่วนรสชาติของข้าวหมากจะมีรสหวาน และมีกลิ่นแอลกอฮอล์เล็กน้อย
นางสุนีย์ พะนิรัมย์ อายุ 31 ปี และนางบุญตา กำลังรัมย์ อายุ 64 ปี ชาวบ้านบ้านไผ่ลวก กล่าวว่า ได้อนุรักษ์สืบทอดการทำข้าวหมากมาตั้งแต่สมัยปู่ย่า ตายาย เมื่อก่อนก็จะทำกินในครอบครัว ต่อมาก็เริ่มทำขายออกมาวางขายสืบทอดกันต่อมาเรื่อยจนถึงทุกวันนี้
ข้าวหมากเป็นอาหารไทยที่มีมาแต่โบราณ สมัยก่อนนิยมรับประทานข้าวหมากทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุเพราะเชื่อมีสรรพคุณให้ร่างกายแข็งแรง ระบบขับถ่ายดี การหมักข้าวในวิถีแบบพื้นบ้านของไทย ทำได้ทั้งขาวเหนียวขาวและข้าวเหนียวดำ การทำข้าวหมากเกิดมาจากการที่คนไทยรับประทานข้าวเป็นอาหารหลักและในบางครั้งหุงข้าวเหนียวมาแล้วรับประทานไม่หมด จึงค้นคิดวิธีการที่จะยืดอายุการเก็บข้าวไว้ให้รับประทานได้นานขึ้นซึ่งถือเป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง