สำนักพระราชวัง แจ้งเปิดให้ประชาชนต่างจังหวัด ร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ตามพระตำหนักทั่วประเทศ 7 แห่ง ในวันที่ 1 มกราคม 2560 ตั้งแต่เวลา 07.30-17.00 น.

วานนี้ (27 ธ.ค.) สำนักพระราชวัง แจ้งว่า เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2560 สำนักพระราชวัง จะเปิดให้ประชาชนลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 1 มกราคม 2560 ตั้งแต่เวลา 07.30-17.00 น.

นอกจากนี้ ยังเปิดให้ประชาชน ร่วมถวายพระพรตามพระตำหนักต่างๆ ตามต่างจังหวัด ประกอบด้วย

1.พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ 2.พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร 3.พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จ.นราธิวาส

4.พระที่นั่งวโรภาษพิมาน พระราชวังบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา 5.พระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม 6.พระตำหนักประทับแรม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และ 7.สำนักงานวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

สำหรับการแต่งกายที่เหมาะสม คือ แต่งกายด้วยชุดสุภาพไว้ทุกข์สีดำ สุภาพสตรีต้องสวมชุดสุภาพที่มีแขน ไม่รัดรูป กระโปรงยาวคลุมเข่า หรือผ้าถุง งดเว้นกระโปรงยีนส์ ส่วนรองเท้าต้องเป็นรองเท้าหุ้มส้นสีดำ

ขณะที่สุภาพบุรุษ ต้องสวมเสื้อที่มีปกสีดำ กางเกงขายาวสีดำ งดเว้นกางเกงยีนส์ และสวมรองเท้าหุ้มส้นสีดำ

โดยชาวเขาเผ่าต่างๆ สามารถสวมชุดประจำชนเผ่าของตัวเองได้ สำหรับส่วนนักเรียน นักศึกษา สามารถสวมใส่ชุดนักเรียน นักศึกษาที่ถูกต้องตามระเบียบของสถานศึกษานั้นๆได้

ส่วนบรรยากาศตลอดทั้งวัน ที่ท้องสนามหลวง ยังคงมีประชาชนจากทั่วทุกภาคของประเทศ เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ได้อำนวยความสะดวก นำประชาชนจากจังหวัดเชียงใหม่ ฉะเชิงเทรา ชัยภูมิ และตรัง เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ

แม้ว่า สภาพอากาศจะร้อน แต่ไม่ได้ทำให้ประชาชนทุกคน ที่ต้องการแสดงความจงรักภักดีย่อท้อ และยังคงเข้าแถวต่อคิวที่บริเวณสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามศาลฎีกาอย่างต่อเนื่อง

โดยมีทหารและอาสาสมัคร คอยดูแลจัดระเบียบความเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดการแซงคิวขึ้น พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่จิตอาสานำอาหาร น้ำดื่ม คอยแจกจ่ายเป็นระยะ

ด้านนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า การที่มีประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเป็นจำนวนมาก และมีความแออัด ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ เกิดอาการลมแดด ขาดน้ำ และในรายที่เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง อาจจะมีอาการกำเริบได้

จึงขอเสนอแนวทางการป้องกันว่า ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือเป็นโรคประจำตัว ขอให้พกยา และมีรายชื่อยาติดตัวตลอดเวลา อาจใช้วิธีจดมา หรือถ่ายรูปซองยาไว้ที่โทรศัพท์มือถือ

พร้อมทั้งขอให้ประชาชนนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมร่างกายให้พร้อม รับประทานอาหารให้ตรงเวลา และดื่มน้ำมากๆในขณะเข้าแถวรอคิว

หากมีอาการผิดปกติ เช่น แน่นหน้าอก หายใจติดขัด วิงเวียนหน้ามืด ใจสั่นคล้ายจะเป็นลม ขอให้เข้าพบแพทย์ตามจุดที่ให้บริการทันที

ส่วนความคืบหน้า การก่อสร้างพระเมรุมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ภายหลังพิธีปักหมุด เพื่อกำหนดจุดกึ่งกลางการก่อสร้างพระเมรุมาศ เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา

นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า หลังจากพิธีปักหมุดกรมศิลปากรได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปจัดเก็บสถานที่ และนำกล่องไม้มาครอบหมุดทั้ง 9 จุด รวมทั้งจะมีการกั้นพื้นที่บริเวณสนามหลวงทิศใต้ ฝั่งพระบรมหาราชวัง เพื่อสร้างโรงขยายแบบ ขยายลาย ซึ่งจะต้องแล้วเสร็จ ภายในเดือนมกราคม 2560

รวมถึงจัดพิมพ์ภาพบนแผ่นผ้า หรือไวนิล โดยจะเป็นภาพต้นไม้ เพื่อให้เข้ากับภูมิทัศน์บริเวณรอบสนามหลวง ที่มีต้นมะขามอยู่โดยรอบ ซึ่งทั้งหมดนี้ จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคม

จากนั้นจะถอนการก่อสร้าง เพื่อให้ประชาชนได้ใช้พื้นที่สนามหลวง ทำกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในวันที่ 31 ธันวาคม

และหลังวันปีใหม่ กรมศิลปากร จะหารือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อขยายพื้นที่ก่อสร้างพระเมรุมาศเพิ่มเติม เมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2560 จะเข้าสู่การก่อสร้างพระเมรุมาศเต็มรูปแบบ

ขณะที่สำนักพระราชวัง สรุปยอดประชาชนที่เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 55908 คน รวม 57 วัน มีจำนวน 2349038 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล จำนวน 3556125 บาท รวม 57 วัน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 186958187 บาท 25 สตางค์

สำนักพระราชวังเปิด7พระตำหนักให้ลงนามถวายพระพรรัชกาลที่ 10