ไปดูสถานการณ์หรือปากท้องในภาคใต้กันก่อน ผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ตอนนี้ ทำให้ปลากระชังริมแม่น้ำของชาวบ้านในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เริ่มน็อคน้ำตายกว่าสามตัน

ไปดูความเสียหายที่เกิดขึ้นของกระชังปลานิลจิตรลดา ในพื้นที่ หมู่ที่ 4 บ้านหนองจอก ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากได้รับอิทธิพลน้ำที่ไหลมามากเกินไปในแม่น้ำตาปีที่ใช้เป็นแหล่งน้ำเลี้ยงปลา ทำให้ปลาเกิดอาการน็อคน้ำตายลอยเกลื่อนกระชังแบบนี้

นายปราโมทย์ บุญรอด อายุ 52 ปี เจ้าของผู้เลี้ยงปลานิลจิตรลดา กว่า 16 กระชัง เล่าว่า ในช่วงคืนที่ผ่านมาน้ำในแม่น้ำตาปีขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องและเชี่ยวกราก ทำให้ปลาที่เลี้ยงไว้ในกระชัง น็อคน้ำตายไปแล้ว 8 กระชัง ประมาณกว่า 3 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่ที่ตายไปเป็นปลาที่มีขนาดที่สามารถจับขายได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถนำออกขายได้เนื่องจาก ปริมาณน้ำเอ่อเข้าท่วมถนน จนแม่ค้าไม่สามารถเข้ามาซื้อปลาในกระชังได้ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท ปลาที่ตักขึ้นมาได้จะนำไปคัดหากตัวไหนที่ยังดีก็เอาไปทำปลาแดดเดียว ส่วนที่ไม่ดีก็ทิ้งและพยายามทยอยจับปลาที่ไม่ได้รับผลกระทบ ส่งแม่ค้าลดการขาดทุน

สำหรับจุดดังกล่าวเป็นจุดเลี้ยงปลากระชังน้ำจืดแหล่งใหญ่ มีไม่ต่ำกว่า 200 กระชัง หลายกระชังจับปลาขายไปหมดก่อน ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกาถึงต้นธันวาคม เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาของตนเกิดการน็อคน้ำตาย โดยมวลน้ำที่ไหลเข้าเพิ่มที่ไหลมาจากอำเภอพระแสง และอำเภอเคียนซา ไหลต่อลงมาพื้นที่อำเภอพุนพิน ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำ และรอการระบายลงทะเลทำให้สถานการณ์น้ำยังล้นตลิ่งแม่น้ำตาปี เข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชนริมแม่น้ำตาปี ได้รับผลกระทบหลายหลังน้ำท่วมสูงกว่า 2-3 เมตร บ้านหลายหลังต้องขนของมาไว้บนเนินสูงภายในหมู่บ้าน ซึ่งขณะที่ปริมาณน้ำยังเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ข้ามถนนภายในหมู่บ้านบางจุดสูงกว่า 1 เมตร

สุราษฎร์ธานีเร่งขายปลากระชัง หนีน็อคน้ำ