ใครชอบกินส้มบ้าง พาไปชิมส้มโชกุน ของอำเภอด่านซ้าย ปีนี้ออกมาให้ได้กินกันแล้ว แถมพบว่าขายดีกว่าปีก่อนด้วย

พอเข้าถึงช่วงฤดูการท่องเที่ยวของจังหวัดเลย สวนส้มโชกุนก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าไปรับซื้อกันถึงหน้าสวน เอาไปวางขาย ตั้งเพิ่งขายกัน ตลอดสองข้างทาง ของเส้นทางท่องเที่ยวในจังหวัด โดยส้มโชกุนของอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย หรือส้มโชกุนขุนเขา จะมีลักษณะเฉพาะ คือ ลูกโต หวาน เปรี้ยวนิดๆ

นายก่อฤกษ์ บุญดีพลี อายุ 40 ปี เจ้าของไร่ส้มโชกุน หรือ ไร่ส้มขุนเขา ที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอด่านซ้าย อยู่ที่บ้านกกจำปา หมู่ 4 อำเภอด่านซ้าย เจ้าของสวนส้มกว่า 40 ไร่ จำนวน 3,200 ต้น ปลูกส้มขายส่งที่กรุงเทพฯ และตั้งเพิงขายอยู่หน้าสวนตัวเอง ส่วนหนึ่งมีชาวบ้านมารับไปขาย สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

นายก่อฤกษ์ บุญดีพลี เล่าว่า ตนเองปลูกส้มโชกุนมาแล้ว 21 ปี แต่ละปีสร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่รับไปขาย ในช่วงต้นหนาวหรือฤดูการท่องเที่ยวของจังหวัดเลย โดยเฉพาะปีนี้ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว ยอดขายดีขึ้นมา สาเหตุมาจากนักท่องเที่ยวเริ่มรู้จักมาขึ้น เพราะคุณภาพ ความปลอดภัย ส้มที่นี้จะมีลูกโต รสหวาน เปรี้ยวนิด เมล็ดน้อย ไม่แพ้ส้มโชกุนที่ จ.ยะลา เพราะดินที่นี้มีสภาพดินที่ดีสมบูรณ์ การปลูกส้มจึงให้ผลผลิตมาก

โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปี จะมีนักท่องเที่ยวมาจังหวัดเลยมาก วันหนึ่งขายได้ 500-1,000 ก.ก.

มีส้ม 4 ไซด์ เบอร์ 3 เล็กสุด ขาย 60 บาท/ก.ก. เบอร์ 4 ขาย 70 บาท/ก.ก. เบอร์ 5 ขาย 80 บาท/ก.ก. และเบอร์ 6 ขาย 90 บาท/ก.ก. (7 ลูก/ 1 ก.ก.)

นอกจากที่ไร่ขุนเขาของเราจะปลูกส้มส่งแล้ว ยังตั้งเพิงร้านหน้าส่วนอีกด้วย และยังมีพ่อค้าแม่ค้ามารับไปขายตั้งเพิงริมถนน วันหนึ่งขายได้ประมาณวันละ 5,000 บาท ต่อราย สร้างรายได้พอควร

แต่ถึงกระนั้น ปัญหาที่พบคือ มีพ่อค้าแม่ค้าบางคน นำส้มพันธุ์ที่อื่นมาขายที่ อ.ด่านซ้าย และบอกว่าเป็นส้มโชกุน (ส้มโชกุนขุนเขา) จะมีรสเปรี้ยวและจืด จนนักท่องเที่ยวเริ่มบ่น สร้างความเสียหายแก่เกษตรกรชาวไร่ชาวสวนที่ปลูกส้มโชกุนที่ อ.ด่านซ้าย เป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวก็จะไม่กล้ามาซื้อกิน เพราะส้มสายพันธุ์อื่นดูจากภายนอกมีลักษณะเหมือนกัน แต่เนื้อส้ม รสชาติ จะต่างกันมาก ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เกษตรกรชาวไร่ที่ปลูกส้มโชกุนก็จะเกิดความเสียหาย จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลและช่วยกันแก้ปัญหาด้วย

ส้มโชกุนขุนเขา อำเภอด่านซ้าย ยอดขายพุ่งรับนักท่องเที่ยว