ประชาชนหลายคนจากทั่วทุกสารทิศ มุ่งมั่นตั้งใจเดินเท้าไปกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร

ชาวบ้านจากจังหวัดอุทัยธานี 5 คน และ ชาวสุพรรณบุรี 1 คน ออกเดินเท้าจากบ้านเกิดมุ่งหน้าแสดงความอาลัยพระบรมศพ ที่พระบรมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตลอดตามเส้นทางมีประชาชนที่พบเห็น ต่างนำอาหาร และ เครื่องดื่ม มามอบให้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการเดินเท้าเข้าสู่กรุงเทพมหานคร

ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และรถพยาบาลคอยติดตามดูแลสุขภาพของผู้ที่เดินเท้าทั้ง 6 คน ตลอดเส้นทางรวมถึงตำรวจทางหลวง และ ตำรวจพื้นที่ต่างๆ ที่ทั้ง 6 คนนี้เดินผ่าน คอยอำนวยความสะดวกเรื่องความปลอดภัยให้

ส่วน นายปัญญา ศรีทอง อายุ 59 ปี อาชีพเกษตรกร และ นายสมชาย ฉุนมี อายุ 56 ปี อาชีพเกษตรกร และ นายโมฮามัต อากบาร อายุ 31 ปี อาชีพขายลอตเตอรี่ ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีสัญชาติ แต่อยู่ในผืนแผ่นดินไทยมาตั้งแต่เกิด

โดยทั้ง 3 คน เป็นชาว ต.หินดาด อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พร้อมใจกันสวมชุดสีดำ และมีพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ห้อยคอ ออกเดินเท้าจาก ต.หินดาด เพื่อไปกราบพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งตลอดเส้นทางจะมีรถยนต์ และ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรีอาสา คอยอำนวยความสะดวก

นายโมฮามัต เปิดเผยก่อนเดินทางว่า ตนเองเกิดในประเทศไทยแต่ด้อยโอกาสที่จะได้รับสัญชาติไทย แต่จิตใจของตนก็คือรักพ่อหลวงไม่แพ้คนไทย ซึ่งพ่อหลวงทำเพื่อคนไทยมานานในฐานะที่ตนเองเกิดในผืนแผ่นดินไทยก็อยากจะทำเพื่อพ่อเป็นโอกาสสุดท้ายของชีวิตสักครั้งหนึ่ง

ขณะที่ นายวิชิต กิจวิโรจน์กุล หนุ่มชาวเขาชาวปากะญอ บ้านพะเด๊ะ ต.พระธาตุผาแดง อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมคณะที่เจอกันระหว่างทางรวม 3 คน ที่เดินเท้าเพื่อไปสักการะแสดงความอาลัยพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ศาลากลางจังหวัดตาก

โดยใช้เส้นทางหลวงแผนดินหมายเลข 12 สายแม่สอด-ตาก ซึ่งระหว่างทางแม้จะมีอุปสรรคจากฝนที่ตกหนักและต้องใช้ความระมัดระวังอุบัติเหตุ เนื่องจากตลอดเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางภูเขาลาดชันลัดเลาะไปตามไหล่เขา ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างถนนสี่ช่องการจราจร แต่ทั้งหมดได้ทำความดีด้วยการเก็บขยะข้างทาง เพื่อเป็นการทำความดีถวาย “พ่อหลวง” อีกด้วย

ซึ่งล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (28 ต.ค.) นายวิชิต และคณะ เดินทางถึงจุดหมายโดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นักศึกษา ประชาชนร่วมให้การต้อนรับพร้อมมอบเหรียญรัชกาลที่ 9 และพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ให้แก่นายวิชิตและคณะ เพื่อชื่นชมในการเป็นคนดีมีความกตัญญูต่อองค์พระมหากษัตริย์เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม

นายวิชิต กล่าว่า สาเหตุที่ต้องเดินเท้าเพื่อมาแสดงความอาลัยต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ศาลากลางจังหวัดตาก ระยะทาง 89 กิโลเมตร เพื่อขอเป็นส่วนเสี้ยวของชีวิตที่จะทดแทนหนึ่งหยดเหงื่อ ที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรอันหาที่สุดมิได้ และจะน้อมนำแนวพระราชดำริในการดำเนินชีวิตเป็นคนดีของประเทศชาติต่อไป

ส่วนความคืบหน้า นายรณชัย กองปัด อายุ 28 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ ที่เคยป่วยหนัก และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รักษาพยาบาลจนหายเป็นปกติ ออกเดินเท้าทางไกลจาก อ.เมืองจันทร์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา มุ่งหน้าสู่สนามหลวง กรุงเทพมหานคร รวมระยะทางกว่า 500 กิโลเมตร เพื่อเป่าแคนเพลงสรรเสริญพระบารมี แสดงความอาลัย และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ล่าสุด นายรณชัย เดินเท้าถึงเขต ต.ไพศาล อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ แล้ว เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ท่ามกลางประชาชนที่มาเฝ้ารอให้กำลังใจ และมอบสิ่งของเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้ฝากนายรณชัย ไปกราบพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช แทนด้วย ขณะเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่กู้ชีพและหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมอำเภอประโคนชัย และ จ.บุรีรัมย์ มาคอยอำนวยความสะดวกและรับช่วงต่อเป็นระยะๆ ด้วย

นายรณชัย กล่าวว่า หลังได้เดินเท้ามาเป็นระยะเวลา 4 วันแล้ว มีอาการอ่อนล้า เหนื่อย และ เจ็บขาบ้าง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค ทั้งยังคงมีหัวใจที่มุ่งมั่น และ เต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี พร้อมยืนยันจะเดินเท้าไปให้ถึงจุดหมายปลายทางตามที่ตั้งใจไว้ นายรณชัย ได้แวะพักค้างที่วัดพิมพ์ทอง ต.ไพศาล อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ก่อนจะออกเดินเท้าต่อ ในเช้าวันนี้

ส่วนที่องค์การบริหารส่วน จ.พิจิตร นายนัน เสาแก้ว หรือที่รู้จักกันในชื่อ ลุงนอเสียงหล่อ อดีตลิเกนักมวยและนักจัดรายการวิทยุ วัย 57 ปี เริ่มต้นเดินทางด้วยเท้าเปล่าจาก จ.พิจิตร เข้าสู่กรุงเทพมหานคร เพื่อสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อต้องการทำความดีถวายในหลวง รัชกาลที่ 9

โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ในการเดินเท้า ส่วนบรรยากาศตลอดเส้นทางการเดินมีประชาชนจำนวนมากออกมาให้กำลังใจพร้อมกับมอบน้ำอาหาร และ เงิน ให้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และมีการอำนวยความปลอดภัยจากตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตรตลอดเส้นทาง

นายนัน กล่าวว่า ด้วยความศรัทธาต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงงานด้วยความเหนื่อยยากตลอดรัชสมัยจึงเป็นที่มาของการเดินเพื่อพระองค์ในครั้งนี้ ซึ่งหลังจากเดินทางถึงกรุงเทพ และมีโอกาสสักการะพระบรมศพแล้ว ก็จะบริจาคร่างกายเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลต่อไป โดยจะไปบริจาคร่างการที่มหาวิทยาลัยนเรศวรจังหวัดพิษณุโลก

สำหรับนายนัน เสาแก้ว เป็น อดีตเคยเป็นนักมวยไทย ชื่อ บัวแก้ว เกียรติบ้านเด่น ขึ้นชกในศึกหงส์ผงาดฟ้า และ เคยแสดงลิเกในโครงการศิลปินลิเกรวมใจสู้ภัยน้ำท่วม เพื่อหารายได้ทูลเกล้าถวายในหลวง รัชกาลที่ 9

ปิดท้ายที่ นางมาลี ดอกไม้ อายุ 54 ปี ชาว จ.ภูเก็ต ที่เริ่มออกเดินทางจากตัวเมืองภูเก็ต เมื่อเวลา 03.00 น.ของวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพื่อเดินทางไปถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร รวมระยะทาง 852 กิโลเมตร นั้น ล่าสุด นางมาลี เดินทางถึง จ.พังงา แล้ว และคาดว่าจะต้องนอนพักในพื้นที่ จ.พังงา อีกอย่างน้อย 1 คืน ก่อนจะเดินทางถึงพื้นที่ จ.ระนอง

นางมาลีกล่าวว่า ตนเองเป็นอดีตนักวิ่ง คงไม่น่าจะมีปัญหาในการเดินเท้าในครั้งนี้ เพียงบางครั้งมีแดดจัดสลับฝนตก ทำให้อุณหภูมิร่างกายไม่คงที่ และ มีอาการนิ้วเท้าบวม ส่วนการเดินทางไปถวายสักการะพระบรมศพฯ เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระองค์และ ขอทำเพื่อพระองค์สักครั้งหนึ่งในฐานะของคนไทย

 

cr.บุญชู/นนทบุรี cr.พรชัย/กาญจนบุรี cr.วิทยา/ตาก cr.สุรชัย/บุรีรัมย์ cr.สายันต์/พิจิตร cr.บรรณารักษ์/พังงา

หลายจังหวัดเดินเท้าเข้าสักการะพระบรมศพ