พบโบสถ์เก่าแก่อายุ 109 ปี อยู่ในสภาพทรุดโทรม กำลังปริแตก แยกออกจากกัน จนต้องเอาลวดสลิง มารัดไว้ ชาวบ้านและพระสงฆ์ที่ดูแล ขอให้กรมศิลปากรเร่งเข้ามาบูรณะซ่อมแซม หวั่นเสี่ยงเกิดอันตรายต่อผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมด้วย
ถือว่าเป็นความร่วมมือร่วมใจของพระสงฆ์และชาวบ้าน ที่วัดคลึงคราช หมู่ที่ 4 บ้านเด่นสำโรง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ ที่ช่วยกันซ่อมแซมโบสถ์เก่าแก่ อายุ 109 ปี ไม่ให้พังถล่มไปต่อหน้าต่อตา ด้วยการนำลวดสลิงมาขึงรอบโบสถ์ และใช้ไม้ กับเสาปูน มาทำคานกั้น ค้ำยันไม่ให้ผนังทั้ง 4 ด้าน พังถล่มลงมา
พระชาติ จะตะมะโร พระผู้ดูแลโบสถ์แห่งนี้ เล่าว่า จากตำนานที่เล่ากันมา พระอุโบสถแห่งนี้ สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2450 เป็นศิลปะล้านนา แบบลาวเวียงจันทร์-หลวงพระบาง โดยได้รับอิทธิพลมาจากช่วงชาวลาว สมัยศึกสงครามปราบกบฎเจ้าอนุวงศ์ ได้อพยพมา เมื่อปี พ.ศ.2371 ชาวบ้านแถวนี้ เรียกกันว่าโบสถ์มหาอุด เพราะมีทางเข้าเพียงทางเดียว และหากพิจารณาจากศิลปะ และปูนปั้นต่างๆ ที่อยู่รอบๆ โบสถ์ จะเห็นความงดงามเก่าแก่ มีเอกลักษณ์อย่างชัดเจน เช่น สิงห์คู่คาบแก้ว ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าบันไดประตูทางเข้า ปัจจุบัน ลูกแก้วในปากสิงห์ได้หายไป
โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าวิหารหลวงพ่อพุ่ม จันทสโร อดีตเจ้าอาวาส และได้รับการขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากรเรียบร้อยแล้ว ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา ทางวัดไม่สามารถเข้าไปบูรณะซ่อมแซมเองได้ ด้วยความเก่าแก่ โบสถ์จึงค่อยๆ พังลง จนพระและชาวบ้านทนไม่ไหว จึงได้แต่ช่วยกันประคอง ไม่ให้โบสถ์ทรุดลงมา
นอกจากสภาพที่เห็นด้านนอก ภายในโบสถ์ ก็ทรุดโทรมไม่แพ้กัน บนหลังคาเป็นรูรั่ว ชาวบ้านเลยช่วยกันนำสังกะสีมามุงหลังคา เพื่อกันแดดกันฝน
ขณะที่คานไม้บนจั่วสามเหลี่ยม และผุกร่อน สร้างความหวาดเสียวให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ที่เข้าไปกราบสักการะ โดยเกรงว่า โบสถ์เก่าแก่ จะพังถล่มลงมา ทำให้เกิดอันตรายกับชาวบ้านและนักท่องเที่ยว จึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลบูรณะซ่อมแซม เพื่อเป็นมรดกให้กับลูกหลานสืบต่อไป

















