ช่วงกินเจนอกจากจะขายของกินทำเงินได้แล้ว อีกหนึ่งอาชีพที่มาคู่กับเทศกาลนี้เช่นกัน คือ ช่างเย็บผ้า ที่ต้องตัดชุดให้กับม้าทรง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาล
ม้าทรง หรือร่างทรงของเทพเจ้า อยู่ในขบวนและพิธีกรรม ออกโปรดสาธุชนขององค์ศักดิ์สิทธิ์ ม้าทรงจะแต่งตัวต่างกันออกไป ทั้งชายหญิงและเด็ก มีลวดลายเฉพาะตัว
นางบุณยานุช นนทรี อายุ 50 ปี เจ้าของร้าน บุศบก อุนากัณณ์ หรืออาจารย์กุ่ย กล่าวว่าปีนี้ ยอดการสั่งทำชุดม้าทรงลดลง ส่วนใหญ่จะเป็นการนำชุดเก่ามาซ่อมหรือตกแต่งใหม่เพิ่มเติมเนื่องจากช่วยประ หยัดงบประมาณ
ราคาแต่ละชุดไม่เท่ากัน เช่น พระอาม่าจะมีราคาชุดละ 7,900-12,000 บาท พระอาก๋งมีราคาชุดละ 1,500-3,500 บาท และพระเด็กมีราคาชุดละ 5,300-7500 บาท ซึ่งสามารถใช้ได้นานหลายปีจนกว่าจะเก่าหรือขาด ส่วนเนื้อผ้าที่นิยมนำมาตัดเย็บจะเป็นผ้าเดรฟเนื่องจากเบา ซักง่าย แห้งไว ราคาไม่แพง
ทั้งนี้ชุดม้าทรงจะวัดตัวจากสะดือถึงพื้น เพื่อกำหนดความยาวของทับหน้า และวัดตัวจากคอหลังถึงพื้นเพื่อกำหนดความยาวของเสื้อผ้า จากนั้นจะเริ่มออกแบบในกระดาษพร้อมลงสี ก่อนไปสู่การตัดเย็บและการปัก เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแต่ละตัวจึงต้องใช้เวลาทำถึง 3 วัน
สำหรับสไตล์ของม้าทรงเมืองตรัง ปัจจุบันนี้ เรียกว่า ร่วมสมัย แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมชาวไทยจีนและอินเดีย รวมทั้งยังคงใช้สีหลักๆในการตัดเย็บเหมือนเดิมคือ ขาว แดง เขียว น้ำเงิน ชมพู เหลือง ซึ่งม้าทรงจะเป็นผู้เลือกเองตามความชอบ
cr.ถนอมศักดิ์/ตรัง