"บิ๊กเล็ก" เผย ไทยยังไม่หยุดยิง รอเขมรหยุดยิงก่อน ย้ำต้องหยุดยิงจริง-ต่อเนื่อง-เปิดเผย ลั่น อย่าดีแต่พูด พูดแล้วไม่ทำ
วันนี้ (18 ธันวาคม 2568) เวลา 12.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหมวาระประจำเดือนธันวาคมเป็นการประชุมสัญจรที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยมีเรื่องสำคัญ 3 เรื่อง
ประการแรกกรณีแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งได้รับทราบสถานการณ์ และได้เน้นย้ำในเรื่องการดูแลกำลังพล ทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดน ในเรื่องการส่งอาหารหรือกระสุนและอาวุธต่าง ๆ ให้สามารถปฏิบัติการรบได้อย่างต่อเนื่อง และดูแลกำลังพลในส่วนที่เสียชีวิต ดูแลทายาท ส่วนตนเองนั้นได้บอกกับทางกองทัพว่าในกรณีที่มีการพระราชทานเพลิงศพในพื้นที่ภาคกลางตนจะเดินทางไปเป็นประธานให้เพื่อเป็นเกียรติแก่กำลังพลที่เสียชีวิตและครอบครัว
ต่อมากรณีใหม่ที่เกิดขึ้นมา นั่นคือ กระทรวงกลาโหมกำลังทำ MOU อยู่กับทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการพัฒนาความรู้ทางด้านการศึกษา เป้าหมาย คือ ทั้งกำลังพลทุกระดับและครอบครัวตั้งแต่พลทหาร นายสิบ นายทหารระดับผู้บังคับบัญชา จะมีหลักสูตรหลากหลาย และที่สำคัญอย่างยิ่งคือทางจุฬาฯ ได้ให้โควตาครอบครัวของกำลังพลที่ปฏิบัติราชการตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่เสียชีวิต โดยทางครอบครัวจะได้รับสิทธิ์ในการที่จะเข้าไปเรียน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ขอขอบคุณทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นอย่างยิ่งที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้
ส่วนกรณีในช่วงปีใหม่ 2 อย่างที่ฝากไป คือ ในเรื่องการดูแลประชาชนการจัดบริการประชาชนตามพื้นที่ต่าง ๆ เหมือนที่ผ่านมา แต่ได้อธิบายกับทางเหล่าทัพต่าง ๆ ว่าเข้าใจว่าปัจจุบันกำลังพลส่วนใหญ่ไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ในพื้นที่ใดหากไม่สามารถทำได้ก็ไม่เป็นไร ให้ประสานหน่วยข้างเคียงในการเข้าไปปฏิบัติการ และเรื่องการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งของกระทรวงกลาโหมเอง และในพื้นที่ที่มีการจัดงานปีใหม่ โดยให้ประสานกับหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมดในการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนได้พักผ่อนในช่วงปีใหม่ด้วยสวัสดิภาพ
เมื่อถามว่าที่บอกเรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นปกติหรืออาจเชื่อมโยงกับสถานการณ์ที่อาจจะมีสายลับมาบ้างนั้น พลเอกณัฐพล กล่าวว่า เป็นปกติ แต่ให้เพิ่มความเข้มข้นขึ้นให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันด้วย
ส่วนกรณีการสกัดกั้นเรือไทยไม่ให้ลำเลียงน้ำมันไปฝั่งกัมพูชา ตอนนี้อาจมีการเล่นแร่แปรธาตุเป็นเรือไทยแต่ไปเอาจากประเทศที่ 3 และไปถ่ายกันกลางทะเลหรือหลบหนี เราจะป้องกันอย่างไร พลเอกณัฐพล ระบุว่า เราก็ต้องเคารพกฎหมายระหว่างประเทศด้วย เรามุ่งที่เรือไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรือไทยที่ชักธงสัญชาติไทยหรือเรือไทยที่ชักธงสัญชาติไหนก็ตามและในนามไทย
พร้อมระบุอีกว่า คงต้องดำเนินการ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่มีความจำอยู่แล้ว เช่น กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร และกระทรวงพลังงาน ก็มีการคุยกันอยู่ในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทุกส่วนจะให้การสนับสนุน คือ ไม่ได้ดำเนินการตามลำพังแค่กระทรวงกลาโหม
เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าตอนนี้สรรพกำลัง ไปอยู่ที่กองทัพภาคที่ 2 มากกว่า ทำให้เกิดคำถามว่าบ้านหนองจานบ้าน-หนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว อาจไม่ใช่เป้าหมายที่เราต้องยึดคืน 100 เปอร์เซ็นต์ใช่หรือไม่ พลเอกณัฐพลกล่าวว่า เรื่องนี้ขอยืนยันว่า ให้ความสำคัญกับทุกเป้าหมาย 7 จังหวัด ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่กับด้านใดด้านหนึ่ง เพียงแต่เราตอบโต้หรือป้องกันตนเองอย่างได้สัดส่วน ซึ่งที่ผ่านมาทางฝ่ายกัมพูชาก็ทุ่มกำลังไปทางฝั่งโน้น ก็ต้องนำกำลังไปไว้กองทัพภาคที่ 2 แต่ในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 ก็มีการดูแลอยู่ แต่เมื่อวานตนได้ลงพื้นที่ไป และวันนี้ผู้บัญชาการทหารบกเดินผ่านไป ซึ่งก็ให้ความสำคัญ ไม่ใช่ไม่ให้ความสำคัญเรายังคงดำรงเจตนาอยู่ภารกิจเราคือ 7 จังหวัด
ส่วนที่มีคนมองว่าพื้นที่ที่กำกับดูแลโดยกองทัพภาคที่ 1 เราจะเสียเปรียบในเรื่องลักษณะภูมิประเทศทหารของเราก็ไม่มีที่กำลังที่แข็งแรงนั้น พลเอกณัฐพลกล่าวว่า คงต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติม เช่น ยานเกราะในการกำบัง ซึ่งตนได้พูดคุยกับทางแม่ทัพภาคที่ 1 ในวันที่เดินทางไปเยี่ยม ซึ่งก็บอกว่าการยึดที่หมายได้ไม่ได้หมายความว่าต้องเอากำลังไปวางอยู่ หรือจะเรียกว่าการคุ้มครอง ด้วยการยิง เพราะฉะนั้นเรายึดได้ เราก็ยิงคุ้มครองไว้อย่างนั้นจนกว่ากัมพูชาจะสิ้นสุดความเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจน พร้อมเปิดเผยว่ากัมพูชาต้องทำต่อเนื่อง ไม่ใช่หยุดเพียงวันเดียวและเราหยุด แต่ต้องดูว่าเมื่อหยุดแล้วมีการต่อเนื่องหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นว่าวันนี้มีการพิจารณาเรื่องงบประมาณกระทรวงกลาโหมปี 2570 ว่าเราจะต้องมีการปรับรูปแบบให้เหมาะกับสถานการณ์ เช่น การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ในเชิงรุก ได้มีการพูดคุยหรือไม่ พลเอกณัฐพลกล่าวว่า จริง ๆ แล้วในคำขอมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เนื่องจากปัจจุบันมีการยุบสภา เพราะฉะนั้นปฏิทินงบประมาณ ปี 2570 ก็จะเลื่อนออกไปอีก แต่ถ้าจะให้เตรียมการตั้งแต่บัดนี้ ในห้วงเวลาที่ผ่านมาในการทำงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ทำภายใต้สภาพแวดล้อมในอดีต คือเราประมาณการว่าความสัมพันธ์ประเทศรอบบ้านอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่มีปัญหาใด ๆ เพราะฉะนั้นการจะขายยุทโธปกรณ์ เราก็จัดหาเพียงแต่ป้องกันเท่านั้น แต่สถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป กัมพูชามีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไป เราก็ต้องปรับสภาพแวดล้อมในการทำงบประมาณ เพราะฉะนั้นการจัดหาก็ได้พูดคุยกับทางผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ว่าอยากให้มอง 2 อย่าง คือ บทเรียนในห้วงเวลาที่ผ่านมากับอนาคตว่าเราจะต้องทำอย่างไรให้จัดลำดับความเร่งด่วนในการจัดหายุทโธปกรณ์หรือจัดทำคำขอในปีงบประมาณ 2570 เพราะฉะนั้น ปฏิทินงบประมาณที่เลื่อนไป ก็ทำให้อาจจะกระทบบ้างเพราะทำให้ช้าลง แต่เราก็ต้องแสวงโอกาสตรงนี้ทำให้รอบคอบจากลำดับความเร่งด่วนให้ดี
เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ในกองทัพและเป็นทหารเก่าด้วย เวลานี้ในสภาพที่ประเทศเรากำลังอยู่แบบนี้ มีสงครามการสู้รบเวลาเจอน้อง ๆ ในกองทัพหรือเจอผบ.เหล่าทัพได้พูดความรู้สึกหรือให้กำลังใจอย่างไรบ้าง พลเอกณัฐพลกล่าวว่า แน่นอน อย่างเช่นเวลาไปเยี่ยมพื้นที่ต่าง ๆ ตนก็ได้บอกน้อง ๆ ว่าไม่ต้องจัดการต้อนรับหรืออำนวยความสะดวก ให้ทำงานตามปกติ แต่ขอเวลามานั่งคุยกันระหว่างพี่น้องและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกัน ว่าทางพื้นที่ขาดอะไร ที่ทางกระทรวงกลาโหมหรือตนจะสามารถสนับสนุนได้ก็ยินดีสนับสนุนเต็มขีดความสามารถและได้รับนโยบายจากรัฐบาลว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนเต็มที่
พลเอกณัฐพล ยังระบุต่อว่า ตอนนี้เรามั่นใจ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันนี้มีความคืบหน้าไปตามลำดับภารกิจที่เราคุยกันก็เกือบที่จะ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ยืนยันอีกครั้งว่า เราจะหยุดยิงเมื่อกัมพูชาสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน เปิดเผย ต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นในภาพที่ออกในสาธารณะตามสื่อคือกัมพูชา ก็ยังระดมยิงกับเราทุกวัน
“เพราะฉะนั้นตอนนี้ต้องมีการหยุดยิงที่ชัดเจน เปิดเผยและต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นหากกัมพูชาอยากหยุดยิงจริง ก็หยุดเลยเราไม่ไปตามถึงพนมเปญอยู่แล้ว ต้องทำให้เห็นก่อนไม่ใช่ดีแต่พูด พูดแล้วไม่ทำเรื่องนี้ก็ขอความเข้าใจกับสื่อมวลชนด้วย เพราะจริง ๆ แล้วเราก็อยากที่จะยุติเหมือนกันแต่ตราบใดที่เขายังมีท่าทีแบบนี้เราก็ต้องป้องกันตนเอง”
นอกจากนี้ บิ๊กเล็ก ยังระบุ ห่วงกำลังพลห่วงประชาชนที่ต้องออกจากบ้านไปอยู่ศูนย์พักพิง เมื่อไปเยี่ยมที่จังหวัดสระแก้วเมื่อเห็นประชาชนก็สงสารทุกคนน้ำตาซึมกันหมดได้แต่ให้กำลังใจว่าฝากทางผู้ว่าราชการจังหวัดให้ดูแลให้เต็มที่ และเราจะพยายามดำเนินการให้ไม่ใช้เวลานานมาก ตนไม่อยากบอกว่าต้องกี่วัน เพราะจะเป็นการไปกำหนดกฎเกณฑ์ให้กับทางกองทัพต้องปฏิบัติ ตนเชื่อมั่นในผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผบ. เหล่าทัพ เมื่อภารกิจเรียบร้อยหรือกัมพูชาเลิกหยุดยิงสิ้นสิ้นสุดความเป็นปฏิบัติเราก็ต้องจบภารกิจ เราไม่ไปยืดเยื้ออะไรเพราะการสูญเสียกำลังพลแต่ละคน แต่ละวันสร้างความสะเทือนใจให้กับผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ต้นลงไปก็จะสะเทือนใจว่าเราสูญเสียลูกน้องไปทีละคนเพราะฉะนั้นอะไรที่จะยุติเหตุการณ์ได้เราก็ยินดีอยู่แล้วแต่กัมพูชาต้องทำก่อน
ส่วนวันนี้เห็นว่าทูตพิเศษจีนจะเดินทางมา ทาง กระทรวง กลาโหมมีการเตรียมข้อมูลอะไรไว้บ้าง พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า ไม่มี เป็นข้อมูลปกติที่พร้อมตอบทุกเรื่องอยู่แล้ว และเราก็ตอบได้
เมื่อถามว่าสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์กับไทยมีกรอบระยะเวลาหรือไม่ว่ากัมพูชาต้องหยุดกี่วัน พลเอกณัฐพลกล่าวว่า จะมีคณะผู้บัญชาการทางทหารประเมินให้ตนฟัง ก็ต้องประเมินและฟัง ว่าทางกองทัพบกมั่นใจแล้ว ไม่ใช่เวลาอย่างเดียว แต่ต้องดูท่าทีของ กัมพูชา รวมถึงการวางกำลังประกอบกันหลายอย่าง แต่คำพูดสำคัญ เพื่อให้ประชาชนจะได้เข้าใจว่าสถานการณ์มันจะเป็นอย่างไรต่อไป หากกัมพูชาหยุดยิง และสิ้นสุดการเป็นปฏิบัติการชัดเจนเปิดเผยต่อเนื่อง

















