รอง ผบช.ภ.1 เผยสอบพยานแวดล้อมคดีนัทปง 5 คน ทุกคนให้การสอดคล้องกัน เตรียมเรียกพยานคนสำคัญอีกหนึ่งปากมาสอบปากคำ เผยสาเหตุไม่ได้ตรวจค้นบ้านละเอียด เพราะยังไม่ทราบสาเหตุการตายในวันแรก ประสานญาติเคาะวันร่วมตรวจค้น 11 ธันวาคมนี้ พร้อมกล่าวว่า นัทปงเคยคิดทำร้ายตัวเองตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
เวลา 15:10 น. พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยความคืบหน้าการสอบปากคำคดีการเสียชีวิตของนายณัฐวุฒิ ปงลังกา หรือนัทปง ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ว่า วันนี้ได้เชิญพยานบุคคลสำคัญที่อยู่แวดล้อมและรู้เห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายณัฐวุฒิ จำนวน 5 ปาก มาสอบปากคำ ซึ่งการสอบสวนใกล้ก็เสร็จสิ้นแล้ว ทั้งหมดให้ปากคำในทิศทางเดียวกัน
ขณะเดียวกัน ได้เตรียมเชิญพยานบุคคลที่สำคัญอีก 1 คน ซึ่งไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และแพทย์นิติเวชผู้ชันสูตรพลิกศพอีก 1 รายมาสอบปากคำ ซึ่งเมื่อสอบปากคำพยานทั้งหมดแล้วก็พอจะสามารถสรุปได้ว่ามูลเหตุที่นำมาสู่การเสียชีวิตนั้นเกิดจากอะไร แต่ทั้งนี้ขอสงวนว่าพยานบุคคลที่สำคัญอีก 1 ปากนั้นคือใคร
จนถึงตอนนี้เรายังไม่ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งทิ้ง แต่เราได้รับข้อมูลจากคนใกล้ชิดว่า ก่อนหน้านั้น 1 เดือน นายณัฐวุฒิเคยพูดว่าอยากทำร้ายตัวเองและมีการเตรียมสารไซยาไนด์เอาไว้ ส่วนการทำร้ายตนเองนั้นมาจากสาเหตุใด เรามีการสอบปากคำเรื่องนี้เอาไว้แล้ว แต่ขอสงวนเอาไว้ก่อน
ส่วนประเด็นที่บุคคลที่ใกล้ชิดนายณัฐวุฒิติดใจเรื่องการตรวจสอบที่เกิดเหตุนั้น ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุตั้งแต่วันแรกแล้วพอสมควร แต่เนื่องจาก ณ ตอนนั้น เรายังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากสารพิษ
ทั้งนี้ เราได้มีการกันสถานที่เกิดเหตุเอาไว้ก่อน พอเมื่อทราบว่ามีสารพิษอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงได้ประสานญาติว่าขอเข้าตรวจค้นบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าจะเข้าตรวจค้นในวันนี้ด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากตอนนี้ญาติยังติดพิธีศพตามประเพณีชาวเหนือ จึงได้ประสานตกลงกันว่า จะให้ทางตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าร่วมตรวจสอบด้วย โดยถ้าเราไปตรวจแล้ว เราพบสารต้องสงสัย ก็จะสามารถสรุปประเด็นได้
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ทางตำรวจได้มีการประสานเพื่อขอกุญแจส่งมาผ่านตำรวจจากจังหวัดเชียงราย แต่เข้าใจดีว่า ญาติประสงค์ที่อยากจะลงมาร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย เพราะเป็นการเสียชีวิตของคนในครอบครัว ข่าวที่นำเสนอออกไปนั้นจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัว ซึ่งทางตำรวจก็เข้าใจ ประกอบรหัสที่ล็อคประตูบ้านนั้น ทางญาติได้มีการเปลี่ยนรหัสหลังจากนายณัฐวุฒิเสียชีวิต เราเลยรอให้ถึงวันที่ 11 ธันวาคม ซึ่งประเมินแล้ว ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องออกหมายค้นแต่อย่างใด
สำหรับที่มาของซองไซยาไนด์ที่พบในบ้านของนายณัฐวุฒินั้น ทางตำรวจพอมีข้อมูลอยู่บ้างแล้ว ซึ่งจะต้องเรียกพยานที่เกี่ยวข้องและรู้เห็นในเรื่องนี้มาสอบปากคำ เบื้องต้นตอนนี้ ซองสารไซยาไนด์ดังกล่าวยังไม่มีใครนำออกมาจากบ้านหลังนั้น เราเชื่อว่าวัตถุพยานดังกล่าวยังอยู่ภายในบ้าน ส่วนภาพฟ้องสารดังกล่าว คาดว่ามาจากคนใกล้ชิดเข้าไปถ่ายในบ้านหลังเกิดเหตุ
ทั้งนี้ ที่มาของการเปิดตัวเรื่องสารไซยาไนด์นั้น เริ่มต้นจากบุคคลใกล้ชิดตั้งข้อสงสัย จนนำมาสู่การตรวจสอบ เท่าที่สอบปากคำพยาน ทราบว่าซองสารบรรจุอยู่ในซองสีน้ำตาล เลยทำให้มีพนักงานสอบสวนที่เข้าบ้านในวันแรกไม่ทราบ แต่เราได้ถ่ายภาพสภาพที่เกิดเหตุและให้ญาติชี้จุด ยืนยันว่าสารต้องสงสัยยังคงอยู่ภายในบ้าน ไม่ได้ไปไหน เราจะต้องดำเนินการเข้าไปพิสูจน์ด้วยการเข้าไปเก็บสารดังกล่าว ส่วนจะเป็นสารไซนาไนด์ชนิดใดนั้น ขอให้รอผลการตรวจอย่างละเอียด
พล.ต.ต.อรรถพล กล่าวอีกว่า นายณัฐวุฒิเคยมีพฤติกรรมพูดเกี่ยวกับเรื่องสารไซยาไนด์กับคนใกล้ชิดเมื่อ 1 เดือนที่แล้ว แต่ตอนนี้ต้องรอสอบพยานให้แน่ชัดก่อน ส่วนการรู้เห็นเรื่องการครอบครองสารไซยาไนด์นั้นจะมีความผิดทางกฎหมายหรือไม่ ประเด็นนี้ขอสอบให้ชัดเจนก่อนเช่นเดียวกัน
สำหรับแชทพูดคุยในโทรศัพท์ส่วนตัวของนายณัฐวุฒินั้น ทางตำรวจได้ดำเนินการตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานแล้ว แต่ขอสงวนรายละเอียดเพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวน ส่วนเรื่องของพินัยกรรมนั้น เบื้องต้นคิดว่าไม่น่าเกี่ยวข้อง แต่ว่าอย่างไรต้องรอให้ญาติให้ข้อมูลในส่วนนี้
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จากกรณีที่ปรากฏภาพวงจรปิดเห็นว่ากลุ่มพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุนั้นไม่ได้ให้การช่วยเหลือนายณัฐวุฒิอย่างทันท่วงทีก่อนเกิดการเสียชีวิตนั้น ประเด็นนี้เราก็สอบปากคำแล้ว โดยผู้ใกล้ชิดตอนนั้นคิดว่า ผู้เสียชีวิตอาจจะแกล้งหรือประชด คิดว่าไม่เป็นความจริงเพราะเพิ่งมีปากเสียงกัน แต่พอเห็นว่าอาการไม่ดีเลยเรียกเพื่อนให้มาช่วยดู โดยพยานยืนยันเจตนาว่า ไม่ทราบว่ามีการกินยาเข้าไปจริง
ทั้งนี้ ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า พยานที่สอบปากคำในวันนี้จะมีใครที่มีพิรุธหรือไม่ แต่เราดำเนินการสอบปากคำทุกมิติ เรามีการวางประเด็น และยังแยกสอบปากคำพยานทุกคน เช่นเดียวกับการนำข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ส่วนอื่น ๆ มาร่วมประกอบพยานหลักฐาน เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าใครพูดจริงพูดเท็จ














