"ไอซ์ สารวัตร" รับเคยดูโทรศัพท์ "นัทปง" แต่ไม่มีข้อมูลการตาย คาดคนนำออกจากบ้านเป็นญาติ แจงไม่ใช่เจ้าทุกข์แต่เป็นตัวกลางประสาน หลังสะพัดถือกุญแจ เตรียมเปิดบ้านให้พฐ.ตรวจค้น รับรู้จัก 3 คนในที่เกิดเหตุ ส่วน "บิ๊ก" ไม่เคยได้ยินชื่อหรือรู้จักมาก่อน

วันที่ 7 ธ.ค. ที่สภ. บางกรวย นายสารวัตร กิจพานิช หรือไอซ์ ผู้ประกาศข่าว ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน กรณีนายณัฐวุฒิ ปงลังกา ผู้ประกาศข่าวและผู้สื่อข่าวที่เสียชีวิต ว่า เรื่องโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิต ก่อนหน้านี้ยอมรับว่ามีการเปิดดู แต่ไม่ได้มีข้อมูลในเรื่องการเสียชีวิต

ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิด ตนไม่ได้ดูในรายละเอียดทั้งหมด เพราะรายละเอียดมีเยอะมากโดยเรื่องนี้ขอพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนในเรื่องของหลักฐาน ตนดูเฉพาะบางส่วนเท่าที่มารยาทในฐานะคนที่รู้จัก เพราะมือถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ครอบครัวก็ไว้ใจที่จะให้ตนเป็นตัวแทนนำมามอบให้ตำรวจ

เมื่อถามว่าใครเป็นคนนำโทรศัพท์ออกจากบ้านที่เกิดเหตุ นายสารวัตร กล่าวว่า คาดว่าคนที่นำออกจากบ้านเป็นญาติ ซึ่งตนไม่แน่ใจ เพราะโทรศัพท์ตนได้รับโทรศัพท์อีกครั้งคือญาติของนายณัฐวุฒินำให้ และวันนี้ครอบครัวนายณัฐวุฒิ ไม่ได้ฝากอะไรเป็นพิเศษให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“สิ่งที่ตนอยากพูดในวันนี้ คือ เรื่องการค้นบ้านซึ่งตนไม่ได้นำกุญแจบ้านมาให้ หรือกุญแจบ้านอยู่ที่จังหวัดเชียงราย โดยเรื่องนี้อาจจะเกิดความคลาดเคลื่อน ว่าตนนัดหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะคนกลาง ไม่ได้เป็นเจ้าทุกข์หรือในฐานะอะไรก็ตาม ซึ่งเรื่องการนัดหมายจุดประสงค์คือเราเป็นตัวกลางประสานงานให้ตำรวจที่ต้องการตรวจค้นบ้าน ซึ่งครอบครัวณัฐวุฒิ ก็ไม่ได้ติดอะไร แต่ขนาดนี้ติดเรื่องของงานพิธีศพ จึงมีการนัดหมายในครั้งหน้า เพราะด้วยเวลานัดหมายของครอบครัวณัฐวุฒิ และตำรวจอาจไม่ตรงกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ข่าวได้ออกไปว่า จะมีการนัดหมายเปิดบ้านในวันนี้ (7 ธ.ค.) แต่ได้ให้ครอบครัวติดต่อขอเลื่อนเนื่องจากไม่สะดวก พร้อมย้ำว่าตนเป็นเพียงแค่คนประสานเป็รตัวกลาง ไม่ใช่คนที่ถือกุญแจบ้านมาและตนก็ไม่เคยถือกุญแจ“ นายสารวัตร กล่าว

เมื่อถามว่าหากตำรวจเตรียมออกหมายค้นบ้านนั้น นายสารวัตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ จริงๆ ตนมองว่าควรค้นตั้งแต่วันแรก และหากประสานขอความร่วมมือก็คาดว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือ

ส่วนหลักฐานทั้งหมดตำรวจน่าจะมีอยู่แล้วใช่หรือไม่ นายสารวัตร กล่าวว่า ตนไม่มั่นใจว่ามีหลักฐานหมดหรือไม่ เพราะยังไม่เคยเจอเจ้าหน้าที่ มีเพียงพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ ส่วนเรื่องคดีเป็นญาติๆ ที่เป็นผู้ดำเนินการ แต่คาดว่าคนที่จะมาบ้านอาจเป็นน้องชายของนายณัฐวุฒิ

ส่วนมีความสนิทกับบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ นายสารวัตร ยอมรับว่ารู้จัก เพราะ 2 คน คนในนั้นเพราะเป็นเพื่อนร่วมงานกัน และเคยเจอ “นายต้น” เพราะเป็นเพื่อนกับนายณัฐวุฒิมาหลายปี ส่วน“นายบิ๊ก” ไม่เคยได้ยินชื่อและรู้จักมาก่อน ทั้งนี้นายณัฐวุฒิ เป็นคนที่มีหลายสังคม แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเล่ารายละเอียดเรื่องส่วนตัวให้ฟัง

ส่วนที่มีการติงว่าตำรวจไม่เข้าไปเก็บหลักฐานทั้งหมดตั้งแต่วันแรกนั้น นายสารวัตร กล่าวว่า ข้อมูลวันที่แจ้งเสียชีวิตก็เป็นไปตามที่มีการเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งหากดูภาพวงจรปิดตามที่มีการเปิดเผยไป ซึ่งจุดประสงค์ที่บอกว่ามีการกินยาฆ่าตัวตาย ตนตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร ซึ่งมองว่าหากเจ้าหน้าที่ได้ยินแบบนั้น แต่ไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ควรดำเนินการอย่างไรเข้าไปตรวจค้น แต่ในวันดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่เข้าไป แต่ไม่ทราบว่าทำอะไรบ้าง

ส่วนกรณีซองยาเจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นค้นพบแต่เป็นทีมข่าวที่เข้าพบนั้น นายสารวัตร ระบุว่า นายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี มีการให้ข้อมูลว่าการพบไม่มีใครพบทั้งตนและคนที่ทำงาน แต่เรื่องเกิดจากการที่เราสงสัยและไม่ปล่อยผ่าน เพราะเป็นเรื่องของพี่ชาย ซึ่งไม่อยากให้เกิดการตีความที่ไปกระทบกับเกียรติของคนตาย ความรู้สึกของครอบครัว เป็นสิ่งที่เราลำบากใจในการพูดถึงหรือคิดไปเองหรือตีความ วิเคราะห์ จึงต้องหาข้อมูลข้อเท็จจริงก่อนจึงจะสามารถพูดได้ พร้อมกับว่ามีคนให้ข้อมูลว่านายณัฐวุฒิ มีการพูดถึงและเคยโชว์ยาว่ามี

ส่วนเรื่องการตั้งข้อสังเกตการณ์เสียชีวิตในครั้งนี้ว่าเป็นเพราะอะไร ตนไม่อยากพุ่งเป้าไปที่ไหนพูดอะไรอาจจะถูกตีความ เมื่อนึกถึงครอบครัวเปิดอ่าน อาจจะมีความรู้สึกบางอย่าง ทั้งนี้ส่วนตัวตนกับผู้ตายมีความสนิทและจัดรายการด้วยกัน ไม่มีสัญญาณอะไร หรือแม้การทำร้ายตัวเองก็ไม่มี ซึ่งยืนยันว่าไม่มีเหตุใดๆ ที่จะไปตอบได้ว่าทำร้ายด้วยเหตุผลอะไร หรือมีคนอื่นมาทำร้ายด้วยสาเหตุอะไร ส่วนที่มีการเปิดเผยแชตข้อความผู้เสียชีวิต เช่นเรื่องของการขอสารไซยาไนต์ ตนไม่เคยรู้เรื่องว่ามีในครอบครอง แต่อาจมีบางคนที่รู้