ผู้การ ปอศ. เผยคดีนานา มีผู้เสียหายแจ้งความ 17 คน มูลค่ากว่า 195 ล้าน ปฏิบัติการเมื่อเช้ายึดทรัพย์สินต่างๆ ได้ประมาณ 10 ล้าน คดีนี้มีโทษจำคุกเกิน 3 ปี ส่วน "เวย์ ไทเทเนียม" เอี่ยวหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบ

วันที่ 3 ธ.ค. 2568 พลตำรวจตรีทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังร่วมสอบปากคำ นานา ไรบีนา ว่า กลางเดือนที่ผ่านมา มีกลุ่มเพื่อนสนิทของนานาทยอยมาร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ และ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำผู้เสียหาย 17 ปาก ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และสอบปากคำพยานผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง ก่อนจะนำพยานหลักฐานทั้งหมดไปขอศาลออกหมายจับและหมายค้น นำไปสู่ปฏิบัติการเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และตำรวจตรวจยึดเอกสารและทรัพย์สินบางส่วน เช่น รถยนต์ กระเป๋าแบรนด์เนม ของสะสม Art toy 11 ชิ้น เครื่องเพชรประมาณ 50 ชิ้น เครื่องประดับ นาฬิกา รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท

ส่วนพฤติการณ์ที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทและคนใกล้ชิดของนานา จำนวน 17 คน เข้าแจ้งความ มูลค่าความเสียหายกว่า 195 ล้านบาท มีลักษณะเป็นการชวนผู้เสียหายไปลงทุนใน 4-5 กิจกรรมต่างๆ คือ 1.ชวนลงทุนปล่อยสินเชื่อ ปล่อยเงินกู้ อ้างจะให้ค่าตอบแทน 4-7 เปอร์เซ็นต์ 2.อุปโลกน์คนขึ้นมาเพื่อเทรดหุ้น ซึ่งทั้งการเทรดหุ้นและปล่อยสินเชื่อไม่มีอยู่จริง 3.ทำสนามบาส และ 4.การเปิดร้านอาหารระดับประเทศ โดยหนึ่งในผู้เสียหายที่มีข่าวหลุดออกมาแล้วว่าเข้าแจ้งความกับตำรวจก่อนหน้านี้ คือ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ เป็นการชวนไปลงทุนร้านอาหารในประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่า 3 ล้านบาท แต่สุดท้ายไม่มีการลงทุนจริง อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายหลายรายไม่ประสงค์เป็นข่าว

จากการสอบปากคำนานาให้การปฏิเสธ แต่รายละเอียดขอให้อยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งนานาก็มีประเด็นที่อยากจะชี้แจงต่อตำรวจ เบื้องต้นอ้างว่าไม่รู้ว่าการกู้ยืมเงินลักษณะที่ทำนั้นผิดกฎหมาย และคิดว่าจะหาเงินมาชดใช้ผู้เสียหายได้ ซึ่งนานาจะยื่นประกันตัวหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนยังไม่ทราบ แต่หากยื่นมา พนักงานสอบสวนก็มีหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ตามกฎหมาย ซึ่งหากยื่นมาก็มีสิทธิ์ได้ประกันตัวเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งก็คือแชร์ลูกโซ่ เป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน ซึ่งได้รายงานความผิดมูลฐานไปยัง ปปง. แล้ว ส่วนทรัพย์ที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาว่าได้มาก่อนหรือหลังการกระทำความผิด ซึ่งความผิดหลักเกิดขึ้นประมาณเดือนกันยายนปี 2565 ก็ต้องตรวจยึดทรัพย์ทั้งหมด และส่งให้ ปปง. ดำเนินการ

ส่วน เวย์ ไทเทเนียม หรือนายปริญญา อินทชัย สามีของนานา อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งตำรวจยืนยันจะตรวจสอบในทุกมิติ

ส่วนกรณีที่ทนายสายหยุด นำตัวนานา มาพบตำรวจเมื่อวันจันทร์ แต่อ้างว่าไม่มีการรับมอบตัวนั้น เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วง 5 โมงเย็น อยู่นอกเวลาราชการ และขณะนั้นพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ออกหมายจับนานา ทำให้ยังไม่มีอำนาจควบคุมตัว ซึ่งวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เห็นตัวนานา มีเพียงทนายสายหยุดมาส่งเอกสาร ซึ่งการจะออกหมายเรียกหรือหมายจับเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน แต่คดีนี้อัตราโทษจำคุกเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนสามารถขอออกหมายจับได้เลย ไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก