ราชทัณฑ์ ประกาศเจตจำนงสุจริตเนื่องในสัปดาห์วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ยันข้าราชการที่เกี่ยวข้องปมคุก VIP มีบทลงโทษแน่นอน ขณะที่ ดีเอสไอ ไม่ห่วงข่าวลือนายมานพ ชมชื่น อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อยู่ต่างประเทศ ชี้ไม่กระทบการตรวจสอบ
วันที่ 2 ธันวาคม 2568 พันตำรวจโทประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานในโครงการส่งเสริมประชาสัมพันธ์การป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ เนื่องในสัปดาห์วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล และมอบนโยบายการป้องกันการทุจริตให้กับเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมราชทัณฑ์ ก่อนจะร่วมกันแสดงสัญลักษณ์ "ไขว้มือ" ประกาศเจตจำนงสุจริต ในการบริหารงานของกรมราชทัณฑ์ ต่อต้านการทุจริต ซึ่งในงานนี้ยังมีพลโท บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 มาร่วมบรรยายในงานด้วย
พันตำรวจโทประวุธ ตอบกรณีผู้ต้องขังจีนเทาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครที่ปรากฏเป็นข่าวว่า ข้าราชการทุกคนมีโอกาสสัมผัสกับเรื่องลักษณะนี้ค่อนข้างมาก มีโอกาสสัมผัสกับเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเรือนจำเป็นสถานที่ที่มีการจำกัดสิทธิของบุคคลต่างๆ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้กรมราชทัณฑ์จะต้องหามาตรการป้องกันให้ได้ เพราะตนเองไม่อยากดำเนินการกับข้าราชการที่ทุจริต แต่การป้องกันเป็นสิ่งที่ดีกว่า ซึ่งกรมราชทัณฑ์ที่มีข้าราชการในสังกัดกว่า 12,000 คน ก็คาดหวังว่าทุกคนจะไม่ทุจริต เพราะเป็นเรื่องที่เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและองค์กร

แต่สำหรับข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องมีบทลงโทษแน่นอน เพราะเกิดความเสียหายแก่องค์กร โดยได้ดำเนินการเรื่องนี้ไปแล้ว และให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน ทั้งนี้มีหลายหน่วยงานที่มีหน้าที่เข้ามาตรวจสอบการทุจริตเรื่องนี้ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ก็สามารถที่จะเข้ามาตรวจสอบเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ถูกกล่าวหาได้ ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบ ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และทางกรมราชทัณฑ์จะให้ดีเอสไอเป็นผู้พิจารณาดำเนินการเลย หากพบการกระทำความผิดก็ให้ว่าไปตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ยังมีกระแสข่าวว่า นายมานพ ชมชื่น อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อยู่ต่างประเทศ จนอาจกระทำต่อการดำเนินการทางกฎหมายของดีเอสไอหรือไม่นั้น พันตำรวจโทประวุธ บอกว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบ แต่เรื่องทางกฎหมายเป็นของดีเอสไอ และ ป.ป.ช. ซึ่งตอนนี้กรมราชทัณฑ์ก็ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าอะไรกลับมา ส่วนที่ทางกรมตรวจสอบเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทางวินัยนั้น ก็ยังต้องรอผลจากทางดีเอสไอ
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีห้องลับ VVIP ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวน ซึ่งคณะทำงานก็จะต้องสอบปากคำเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงนายมานพ ชมชื่น อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งดีเอสไอกำลังเร่งดำเนินการอยู่
ส่วนกระแสข่าวที่นายมานพ เดินทางไปต่างประเทศนั้น ดีเอสไอขอตรวจสอบก่อน แต่ยืนยันว่าแม้ตัวจะอยู่ต่างประเทศก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบ เพราะดีเอสไอตรวจสอบตามพยานหลักฐาน ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายมานพ ว่าเชื่อมโยงถึงใครบ้างนั้น ดีเอสไอก็เพิ่งจะได้รับข้อมูลมา ซึ่งคณะทำงานกำลังเริ่มทยอยวิเคราะห์
นอกจากนี้ ประเด็นที่นายมานพ ไปร้องสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ว่าถูกกลั่นแกล้ง และปมเรื่องนี้เชื่อมโยงไปยังผู้ใหญ่ระดับสูงของกระทรวงยุติธรรมหลายคนนั้น ดีเอสไอยังไม่เห็นรายละเอียดเอกสารร้องทุกข์ เพราะเป็นการร้องไปที่ ป.ป.ช. แต่หากเรื่องร้องทุกข์ถูกส่งมายังดีเอสไอ ดีเอสไอก็จะรับไว้พิจารณา
ทั้งนี้ ดีเอสไอยืนยันว่า การตรวจสอบมีความคืบหน้าไปพอสมควรแล้ว ส่วนข้อมูลที่ดีเอสไอขอไปทางกรมราชทัณฑ์ มีทั้งบัญชีรายชื่อของข้าราชการที่ทำงานในวันเกิดเหตุ และเข้าเวรในช่วงเวลาต่างๆ รวมไปถึงใบลางานต่าง ๆ อยู่ระหว่างรอผลรายงานจากคณะทำงาน แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลมีการโยกย้ายไป ทำให้ดีเอสไอเองก็ต้องใช้เวลาในการติดตาม แต่กรมราชทัณฑ์ก็ให้ความร่วมมือดี และหากได้รับข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ก็จะทำรายงานส่งอธิบดีดีเอสไอต่อไป














