หนุ่ม LGBTQ โต้ไม่ได้มั่วแลกยา-แพร่เชื้อ แฉคนร้องเรียน แท้จริงคือแฟนเก่าและมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เคยเตือนให้เลิก แต่กลับมาใส่ร้ายประจานให้ตนเสียหาย จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากเพจหนึ่งว่า มีญาติผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนกับทางเพจว่า มีกลุ่ม LGBTQ พื้นที่ อ.หนองแค ที่ติดเชื้อเอดส์ กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโดยไม่มีการป้องกัน โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับนายเอ (นามสมมติ) ว่าน้องชายของตนเองซึ่งเป็น LGBTQ ได้คบหาเป็นแฟนกับนายโจ้ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี หนุ่ม LGBTQ โดยอยู่กินกันมาได้สักระยะหนึ่ง จากนั้นน้องชายของตนได้สงสัยในพฤติกรรมของนายโจ้ เมื่อไปค้นในกระเป๋าแล้วพบยาชนิดหนึ่งอยู่ในกระเป๋า จึงได้นำยามาตรวจสอบ จนทราบว่า เป็นยาต้านเชื้อไวรัสเอดส์ (HIV) จนน้องชายตนเองได้เข้าไปถามว่า เป็นเอดส์แล้วทำไมไม่บอก กลับได้รับคำตอบกลับมาว่า ก็มึงไม่ถาม จากนั้นน้องชายตนเองได้เข้าไปตรวจ ที่ รพ.หนองแค เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งผลก็ออกมาว่าน้องชายของตนเองติดเชื้อเอดส์ ทุกวันนี้น้องชายของตนเองยังคงต้องกินยาต้านอยู่ จนทำให้ต้องเลิกรากัน แต่น้องชายของตนเองก็ยังถูกนายโจ้ โทรมาข่มขู่อยู่ตลอด



ล่าสุด นายโจ้ อายุ 29 ปี หนุ่ม LGBTQ ผู้ถูกกล่าวอ้างว่า มั่วไม่เลือกเพื่อแลกกับยาไอซ์ และแพร่เชื้อ HIV โดยที่ไม่มีการป้องกัน ได้ติดต่อกับผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง โดยนายโจ้ กล่าวว่า พร้อมที่จะเปิดหน้าสู้ทุกอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง และยอมรับว่าตนเองติดเชื้อ HIV มาตั้งแต่ปี 64 ทุกวันนี้ยังกินยาต้านอยู่ ส่วนเรื่องยาเสพติดนั้นตนเองเลิกยุ่งมาได้ประมาณ 1 ปีมาแล้ว

ส่วนนายเอ (นามสมมติ) ผู้ที่เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวก่อนหน้านี้ แท้จริงเป็นเรื่องของตัวนายเอเอง ไม่ใช่เรื่องของน้องอย่างที่กล่าวอ้าง

นายโจ้ ยังเล่าอีกว่า ตนเองคบกับนายเอมาเมื่อเดือนธันวาคมปี 67 จากนั้นได้เลิกรากันเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุที่เลิกกับเขาเนื่องจากว่านายเอมีพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติด และเข้าไปเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายด้วย ซึ่งตนเองได้บอกกับนายเอตั้งแต่คบกันมาแล้วว่าให้เลิกเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ เนื่องจากว่าตนเองเคยผ่านมาแล้ว ซึ่งตอนคบกันนายเอก็พร้อมจะเลิกทุกอย่างไปด้วยกัน แต่นายเอ ก็ไม่เลิกและเมื่อเสพก็จะเกิดอาการหลอน ส่วนเข็มยาที่นายเอนำมาโชว์นั้น ตนเองดูภาพก็รู้ว่าเป็นภาพถ่ายที่บ้านของนายเอ ก็น่าจะเป็นของนายเอเอง จะมาแอบอ้างว่าตนเองเป็นคนทำได้อย่างไร จึงอยากขอความเป็นธรรมให้ตนเองด้วย

โดยนายเอพยายามจะติดต่อกับตนเองมาโดยตลอด แต่ตนเองไม่คิดที่จะกลับไปยุ่งเกี่ยวด้วย และที่บอกว่าตนเองติดเชื้อ HIV มาจากตนนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากตนเองทราบมาจากแฟนเก่าของนายเอว่า นายเอเป็นมาก่อนที่จะคบกับตนเองแล้ว และไม่เคยกินยาต้านหรือควบคุมตัวเอง ส่วนคำพูดที่ว่า กูติด มึงก็ติดกับกูนั้น ตนเองคิดว่าตนเองมีความรับผิดชอบชั่วดีว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ตนเองไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ และเมื่อถามว่าตนเองบิดบังหรือไม่ที่ติดเชื้อ HIV นั้นตนเองก็ไม่ได้ปิดบังตั้งแต่แรก ตนเองก็กินยาต้านมาตลอด

ซึ่งหลังจากที่มีการนำเสนอข่าวไปนั้น ตนเองได้รับความเสียหาย เนื่องจากว่าทางนายเอมีพฤติกรรมมาก่อนหน้านี้แล้ว ที่โพสต์ ประจานตนเองเพื่อที่จะทำให้ตนเองเสียหาย ทำให้ตนทราบเลยว่าเกิดจากอะไร เกิดจากสาเหตุแรงจูงใจอะไรที่ทำให้เกิดขึ้น

ส่วนเรื่องภาพถ่ายที่มีภาพที่ล่อแหลม ตนเองยอมรับว่าเป็นภาพที่สมัยที่ตนเองเรียนมหาวิทยาลัย และมีความคึกคะนอง และถ่ายไว้ และเขาก็ไปขุดคุ้ยขึ้นมา และเอามาโพสต์ประจานเพื่อที่จะให้เป็นประเด็น ซึ่งก็ไม่มีภาพที่ตนเองไปทำอะไรกับใครที่ไหน มันเป็นภาพส่วนตัวของตัวเอง ส่วนในวันนี้ที่ตนเองเข้ามาชี้แจงกับสื่อ ก็เนื่องจากว่า ตนเองต้องการดำเนินคดีกับนายเอที่เขาทำไว้กับตนเอง ซึ่งตนเองก็ดำเนินการมาตั้งแต่ยังไม่เป็นข่าวแล้ว เคยไปร้องศูนย์ดำรงธรรม ร้องผู้ใหญ่บ้าน ให้ช่วยเหลือในเรื่องที่นายเอเอาตนเองไปโพสต์ประจานต่างๆ หลายครั้งก็ก็ยังไม่ได้ผล และเมื่อเป็นข่าวขึ้นมาตนเองก็อยากที่จะได้รับความเป็นธรรม ซึ่งตนเองก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เนื่องจากว่าตนเองได้รับความเสียหายมากเหมือนกัน และพร้อมที่จะให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พยายามติดต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วหลายรอบ