"นายกฯ" ยันมาตรการตอบโต้กัมพูชาเข้มข้นแล้ว ปัดตอบสื่อ เสียดายมือหรือไม่ ที่ไปจับมือ"ฮุน มาเนต" ในวันนั้น

เมื่อเวลา 13.43 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี ขณะเดินลงมาจากตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่ได้ยืนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

โดยสื่อมวลชนจึงพยายามเดินตามและสอบถามในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดน และ การระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา

นายอนุทิน ตอบคำถามเป็นช่วงๆขณะเดินไปที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ว่า ตอนเช้าก็ประชุม สมช. นี่กำลังจะเดินทางไปเยี่ยมทหาร

เมื่อถามว่ากรอบระยะเวลาที่ระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา จะนานขนาดไหน นายอนุทิน ระบุว่า ก็จนกว่ากองทัพไทยจะเห็นว่าความเป็นปฏิปักษ์ของเขาไม่มีแล้ว

เมื่อถามว่ากรณีที่กัมพูชาบอกว่าระเบิดนั้นไม่ได้เป็นคนวาง นายอนุทิน ระบุว่า ประเทศไทยไม่มีระเบิดแบบนั้นครับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมท่านนายกฯไม่ยืนให้สัมภาษณ์เป็นทางการหน่อย นายอนุทิน ตอบว่า รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้รับมอบหมายให้สัมภาษณ์ไปแล้ว ท่านก็ได้ทำหน้าที่ไปเรียบร้อยแล้วนะครับ

เมื่อถามว่าพอใจกับมาตรการของ สมช. ในวันนี้หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ก็เป็นมาตรการที่ผมวางแนวทางไว้

เมื่อถามว่า ในใจท่านอยากให้มันเข้มข้นมากกว่านี้หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ก็นี่ก็เข้มข้น นี่ก็เข้มข้นมากแล้วนะ ทุกคนให้ความคิดเห็นหมดครับ ตอนนี้เราไม่ได้ทำทั้ง 4 ข้อ แล้ว เราทำในสิ่งที่เราคิดว่าสมควรจะทำ

เมื่อถามว่า ท่านนายกฯคิดว่าการจับมือกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในวันที่ทำปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา เสียมือหรือไม่ เสียดายมือหรือไม่ที่ไปจับมือในวันนั้น "นายอนุทิน" ไม่ตอบคำถาม จากนั้นได้เดินเข้าตึกไทยคู่ฟ้าไปเลย

ต่อมานายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ต่อกรณีนี้ ท่านนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำการชี้แจงไปแล้ว ซึ่งแนวทางต่างๆก็มาจากที่ประชุม สมช. ดังนั้นการที่ท่านได้มอบหมายให้รัฐมนตรีท่านใดท่านนึงที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนั้นๆ เป็นผู้ชี้แจงเพียงทางเดียว ตนคิดว่าน่าจะเป็นช่องทางที่ทำให้การสื่อสารไปสู่พี่น้องประชาชนได้โดยตรงและไม่คลาดเคลื่อนที่สุด ก็ต้องขอความกรุณาทางสื่อมวลชนด้วย เพราะว่าอยากจะให้ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วน

ส่วนเรื่องข้อสั่งการของท่านนายก เป็นเพียงการเตรียมความพร้อม ในกรณีที่เราอาจจะมีการคาดการณ์ถึงสถานการณ์ ทั้งดีและไม่ดี ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทยกัมพูชา ต้องมีการดำเนินการให้เป็นปกติไว้ก่อน แต่ยังไม่ได้มีการสั่งการอะไรที่จะทำให้มีความตื่นตระหนก ไม่ใช่ เป็นเพียงการกำชับและการเตรียมความพร้อมในกรณีมีเหตุเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่า กรอบระยะเวลาที่จะระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา จะนานขนาดไหน นายสิริพงศ์ ระบุว่า ไม่มีครับ ไม่มีกรอบเวลาการระงับ ไม่มีเดทไลน์ ทางกระทรวงกลาโหมจะประเมินไปเรื่อยๆจนกว่าความเป็นปฏิปักษ์ของกัมพูชาจะลดลง

การที่ทหารไทยไปเหยียบกับระเบิดที่กัมพูชาวางไว้ในดินแดนไทย แสดงให้เห็นว่าความเป็นปฏิปักษ์ของกัมพูชาที่ยังมีอยู่กับไทยยังคงอยู่ ฉะนั้นวันนี้ยังไม่มีกรอบเวลาว่าจะดำเนินการไปอย่างไร

ส่วนข้อตกลงเก่าๆหลายอย่าง ในเรื่องของGBC หรืออะไรต่างๆที่ต้องเป็นความร่วมมือกันก็งดไป ส่วนไหนที่ไทยสามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเราเอง เราจึงดำเนินการ แต่ส่วนไหนที่ต้องขอความร่วมมือจากเขา เราก็งดไป นี่คือแนวทางของฝ่ายความมั่นคง

ถามว่าถ้าไม่ได้รับการตอบสนองจากกัมพูชา เราถึงขั้นยกเลิกปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา หรือไม่ นายสิริพงศ์ ระบุว่า ต้องให้ทาง สมช. เป็นผู้ประเมินอีกครั้งหนึ่ง นี่เป็นแนวทางปฏิบัติการ ณ วันนี้ ซึ่งเราคิดว่าก็โต้ตอบมาพอสมควร ทั้งเรื่องแรงงานด้วย

ซึ่งเรื่องแรงงาน เป็นเรื่องนึงที่ก็ทำออกมาให้เห็นเชิงสัญลักษณ์ว่าการขอขยายอายุแรงงานที่หมดอายุ เดิมทีมีเข้ามา 4 ชาติ คือ เมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม ตอนนี้ก็ตัดกัมพูชาออกไปเลย เหลือแค่ 3 ชาติ

ถามว่าถ้าทหารไทยได้รับบาดเจ็บหรือเหยียบทุ่นระเบิดอีก จะมีมาตรการตอบโต้ที่แรงกว่านี้หรือไม่ นายสิริพงศ์ ระบุว่า ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจดำเนินการ เป็นการวางแผนยุทธศาสตร์ในการดำเนินการทุกอย่างอยู่ที่ฝั่งกระทรวงกลาโหมเลย แนวทางเหล่านี้จะไม่ออกจากฝั่งบริหาร เพราะเป็นเรื่องความลับของทางราชการ ให้ฝ่ายความมั่นคงเป็นคนดำเนินการ ท่านนายกฯยินดีให้การสนับสนุน ไฟเขียวครับ