ตาวัย 77 อ้างรำคาญเพื่อนบ้าน กินเหล้ากันประจำ ครั้งนี้มากินที่บ้านแล้วไม่ยอมกลับ แถมนอนบนที่นอนของตน จึงสาดน้ำมันจุดไฟเผากลางบ้านจนบาดเจ็บสาหัส ลูกสาวผู้บาดเจ็บแจ้งความเอาผิดถึงที่สุด
วันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่จังหวัดนครพนม นางสาววรดี อายุ 27 ปี ลูกสาวของนายเวียง อายุ 64 ปี ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา พ่อของตนได้ไปช่วยนายทอนธง อายุ 77 ปี ซึ่งทั้งคู่เป็นเพื่อนบ้านและเพื่อนกินกัน ชำแหละเป็ดทำลาบกินกันตามปกติ กระทั่งช่วงเย็นมีคนวิ่งมาบอกว่าพ่อถูกไฟเผา จึงรีบไปดูถึงที่ก็แทบช็อก พบพ่อถูกไฟไหม้ตั้งแต่หัวไหล่ซ้ายถึงขา มีบาดแผลลึกและผิวหนังไหม้พุพองทั่วตัว รีบนำส่งโรงพยาบาลปลาปาก ก่อนแพทย์ส่งต่อไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพนม อาการสาหัสแต่พ้นขีดอันตรายแล้ว ยังไม่รู้สึกตัวเต็มที่และพูดเพ้ออยู่ตลอด
“ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ 7 วันเต็ม ไม่มีฝ่ายคู่กรณีหรือญาติคนไหนมาเยี่ยมหรือแสดงความรับผิดชอบเลยสักคำ ดิฉันจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” นางสาววรดี กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น
โดยเหตุดังกล่าว นายทอนธงได้ใช้น้ำมันเบนซินราดร่างของนายเวียง แล้วจุดไฟใส่จนเปลวไฟลุกท่วมร่าง นางเวียงลุกวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ก่อนหมดแรงล้มฟุบหน้าบ้านเพื่อนบ้านห่างออกไปกว่า 300 เมตร
ด้านนางนัยนา อายุ 45 ปี เพื่อนบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เห็นนายเวียงวิ่งเข้ามาทั้งตัวลุกไหม้ ก่อนเปิดก๊อกน้ำราดตัวดับไฟ ตนรีบห้ามเพราะกลัวติดเชื้อ เห็นเสื้อที่ไหม้ละลายติดเนื้อแน่น จึงใช้กรรไกรค่อยๆ ตัดออกอย่างทุลักทุเล และโทรเรียกรถกู้ชีพ 1669 มารับตัวส่งโรงพยาบาล
หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.ปลาปาก ควบคุมตัวนายทอนธงมาสอบสวน เจ้าตัวยอมรับสารภาพโดยไม่สะทกสะท้าน อ้างว่า “รำคาญเพื่อน มาบ้านแล้วไม่ยอมกลับ แถมขึ้นไปนอนบนที่นอนของตัวเอง” จึงคว้าขวดน้ำมันเบนซินมาถามเป็นครั้งสุดท้ายว่าจะกลับไหม แต่เมื่อไม่ตอบ จึงสาดน้ำมันและจุดไฟทันที
อย่างไรก็ตาม ภายหลังให้การเสร็จ นายทอนธงกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “เสียใจที่ทำลงไปโดยไม่ยั้งคิด อยากขอโทษเพื่อน”
ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัส” พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมาย