"รังสิมันต์ โรม" โพสต์ตามหา "นายกฯ อนุทิน" หลังสหรัฐ-เกาหลีใต้ ลุยปราบสแกมเมอร์ ชี้ไทยต้องจริงจัง อย่าให้สงสัยในจุดยืนนายกฯ

วันที่ 15 ต.ค. 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

"ผมอยากเชิญชวนผู้รักชาติ ช่วยกันตามหาคุณอนุทิน หายไปไหน ทำไมไม่จัดการแก๊งสแกมเมอร์ ถามหาคุณธรรมนัส ว่าจะรับผิดชอบอย่างไรกับการปกป้องเบน สมิธ อินฟลูทั้งหลายช่วยใช้พลังตรงนี้กดดันรัฐบาลให้เร่งปราบ รับรองสะเทือนถึงพนมเปญ"

"สหรัฐเขย่ารังสแกมเมอร์ เกาหลีใต้เอาจริงส่งกำลังมาลุย แต่ประเทศไทยมีพรมแดนติดกับกัมพูชา กลับอยู่เฉยไม่ทำอะไร นี่คือโอกาสที่เราจะเป็นผู้นำจัดการระดับ Big Boss สแกมเมอร์ เลยนะครับ ฝากใครช่วยตามหาคุณอนุทินด้วยครับ ว่าหายไปไหน"

โดยก่อนหน้านี้ นายรังสิมันต์ โพสต์ข้อความว่า

ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาในสหรัฐอเมริกา มีการเสนอร่างกฎหมายชื่อว่า “Dismantle Foreign Scam Syndicates Act” ฟังชื่ออาจจะไกลตัว แต่จริง ๆ แล้วกฎหมายฉบับนี้สำคัญกับทั้งโลกครับ
.
ร่างกฎหมายนี้มีเป้าหมายให้รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อรื้อถอนและปิดศูนย์อาชญากรรมข้ามชาติ ที่อยู่เบื้องหลังออนไลน์สแกมเมอร์ ตั้งแต่เว็บลงทุนปลอม โรแมนซ์สแกม ไปจนถึงการค้ามนุษย์ที่แฝงตัวอยู่ในเครือข่ายเหล่านั้น ซึ่งในร่างนี้ก็ปรากฎชื่อของนาย เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์, นาย ยิม เลียก, นาย ฮุน โต รวมถึง Huione Group ที่ผมได้พูดถึงไปแล้วในสภาอีกด้วย
.
ความเคลื่อนไหวในสหรัฐแบบนี้ คือสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าเครือข่ายอาชญากรของกลุ่มคนเหล่านี้มีอยู่จริง และเป็นที่จับตามองของนานาชาติ ทั้งนี้การอภิปรายผมก็ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของชาติ ไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้งใครทั้งสิ้น อาชญากรรมโดยแก๊งสแกมเมอร์ไม่ใช่เรื่องของประเทศใดประเทศนึง แต่มันคืออาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีรากอยู่ในภูมิภาคอาเซียน ในประเทศเพื่อนบ้าน และที่แย่ที่สุด คือการที่ขบวนการเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจในประเทศไทย
.
ผมคิดว่าประเทศไทยของเราต้องไม่อยู่เฉย และปล่อยให้แผ่นดินเราอาจกลายเป็นทั้งทางผ่านและพื้นที่พักพิงของเครือข่ายสแกมเมอร์อย่างที่เป็นทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่นั้นวันนี้เงินเทาของแก๊งสแกมเมอร์กำลังจะยึดประเทศชาติของเราอยู่แล้ว โดยมีนักการเมือง ข้าราชการเป็นลูกหาบ คอยช่วยเหลือ คุ้มกัน และปิดปากใครก็ตามที่มาท้าทายตัวการใหญ่ของแก๊งสแก๊มเมอร์
.
ผมคิดว่ารัฐบาลไทยควรทำแบบเดียวกับสหรัฐฯตั้ง “คณะทำงานถาวร” ที่รวมหน่วยงานต่าง ๆ ให้สามารถทำงานร่วมกันได้จริงไม่ใช่โยนความรับผิดชอบกันไปมา เหมือนที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ ที่สำคัญท่านนายกรัฐมนตรี ต้องไม่ปล่อยให้ร้อยเอกธรรมนัส รองนายกรัฐมนตรี ที่มีความสัมพันธ์กับนายเบน สมิธ ที่ปรึกษาของสมเด็จฮุนเซ็น แสดงพฤติกรรมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้อมูลต่างๆมันบ่งชี้ว่าเรื่องนี้คือเรื่องใหญ่ และไม่ใช่แค่เฉพาะในไทย ถ้าท่านนายกยังคงไม่ดำเนินการอะไร เงียบต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ ผมก็ชักสงสัยในจุดยืนของท่านอนุทินต่อเรื่องสแกมเมอร์จริงๆ การเพิกเฉยต่อเรื่องนี้และไม่ลงมือปราบปรามอย่างจริงจังก็ไม่ต่างอะไรกับการให้การสนับสนุน เครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์และ Call Center ให้สามารถดำเนินการต่อไปได้
.
ไหนๆก็พูดมาถึงตรงนี้ เห็นตำรวจบางคนของไซเบอร์ออกมาท้าทายผมผ่านสื่อ ก็ต้องเรียนว่าท่านไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ทุกวันนี้ความเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์มันมากมายมหาศาล ถ้าท่านทำหน้าที่ได้ดี ประเทศมันก็ไม่เป็นแบบนี้แล้ว แต่ถ้าท่านทำไม่ได้ ก็กรุณาช่วยลาออก หรือไม่ก็ขอย้ายไปอยู่ที่อื่น ให้คนมีศักยภาพ มีความสามารถมาทำ
.
ถึงเวลาแล้วครับที่รัฐบาลของนายกอนุทิน จะต้องเลือกข้าง จะอยู่ข้างอาชญากรหรือจะอยู่ข้างประชาชน