"ปานเทพ" พร้อมคณะ ยื่นหนังสือถึง "อนุทิน" นายกรัฐมนตรี ขอเสนอครม. ยกเลิก MOU 2543-2544 ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงร้ายแรง ชี้รัฐบาลต้องเร่งปกป้องสิทธิอธิปไตยไทยก่อนหมดเวลา 7 วัน วอนระงับประชุม JBC–GBC–RBC ชั่วคราว จนกว่าจะมีมติ ครม. ชัดเจน

วันนี้ (14 ตุลาคม 2568) ทที่อาคารรัฐสภา นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เดินทางเข้ามาพร้อมด้วย ดร.ธเนศ สุจารีกุล, นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม, ดร.สุวันชัย แสฃสุขเอี่ยม, ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี, มล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ บุรุษรัตนพันธุ์, นายวีรพันธุ์ มาไลยพันธุ์, นางสาวรสนา โตสิตระกูล, คมสัน โพธิ์คง และนายนิติธร ล้ำเหลือ เพื่อยื่นหนังสือเพื่อขอให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้นำเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรี เสนอยกเลิก MOU2543 เนื่องจากประเทศกัมพูชาละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 60 และให้ยกเลิก MOU2544 เนื่องจากเป็นข้อตกลงชั่วคราวที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริงตามมาตรา 56 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ.1969

ขณะที่นายปานเทพ ได้นำหนังสือเตรียมเข้ายื่นถึงนายกรัฐมนตรี เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงรัฐสภา ทำให้นายปานเทพ ได้นำเอกสารดังกล่าวขึ้นอ่านต่อหน้าสื่อมวลชนเพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้ทราบถึงเนื้อหาในเอกสารที่นำมายื่น โดยขณะที่ยื่นนั้นพบว่านายกรัฐมนตรีได้พยายามชะเง้อมอง เอกสารที่นายปานเทพอ่านอยู่หลายครั้ง ก่อนพยักหน้าเป็นบางช่วงและยืนรับฟังจนอ่านเอกสารนั้นจบ ก่อนจะมีการส่งมอบเอกสาร

โดยนายปานเทพ ขอให้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเสียสิทธิและความชอบธรรมในการยกเลิกสนธิสัญญาดังกล่าว และในระหว่างนี้ให้สั่งการระงับการประชุม JBC GBC และ RBC ไว้ก่อนจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติตาม 2 ข้อดังนี้

1. ให้ดำเนินการยกเลิก MOU 2543 ทันที โดยอ้างเหตุแห่งการที่ประเทศกัมพูชาละเมิดร้ายแรงตามมาตรา 60 ของอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ.1969 เพื่อไม่ให้เสียสิทธิตามมาตรา 45 โดยให้มีผลบังคับใช้ในอีก 8 เดือนข้างหน้า ตามมาตรา 65 ของอนุสัญญาเดียวกัน

2. ให้ยกเลิก MOU 2544 ทันที โดยอ้างเหตุข้อตกลงชั่วคราวที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง และให้มีผลบังคับใช้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ตามหลักการของมาตรา 56 ของอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ.1969

ภายหลังจากการยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามไปยังนายกรัฐมนตรี ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไปหลังจากได้รับเอกสารแล้ว โดยนายกรัฐมนตรี ได้หันมาตอบสื่อมวลชนสั้นๆ ว่า “ขอให้ตนได้อ่านเนื้อหาภายในเพิ่มเติมอย่างละเอียดก่อน” ก่อนนายกรัฐมนตรีจะเดินทางเข้าไปในอาคารรัฐสภา

หลังจากยื่นหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรี เรียบร้อย นายปานเทพ พร้อม นพ.วรงค์ ได้มาพูดคุยกับมวลชนสวมเสื้อมูลนิธิเฝ้าแผ่นดินกว่า 10 คนที่เดินทางมาให้กําลังใจ โดยมีการบอกกับมวลชนว่า ตนถูกนัดหมายให้มายื่นหนังสือ แต่ท่านนายกไม่ว่างเนื่องจากมีประชุมครม. ส่วนตัวไม่ได้กังวล ใครจะมารับหนังสือ ซึ่งการมาวันนี้การแต่งตั้งนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เป็นประธานการประชุม JBC ทำให้ตนเป็นห่วงจุดยืนในปราสาทว่ามีทัศนะในการรักษา เอ็มโอยู หรือไม่ ซึ่งที่ต้องรีบมาโดยด่วนที่สุดวันนี้ เพราะเมื่อวานนี้มีข่าวจากกัมพูชาว่า ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายเชิญกัมพูชาประชุมเจบีซีรอบใหม่ จึงกังวล ว่าจะเกิดปัญหา ตนจึงอยากให้มีการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 เนื่องจากกัมพูชาละเมิดไทยร้ายแรง เข่นฆ่าชีวิตคนไทยทําลายทรัพย์สินของคนไทยในพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตแดนของกัมพูชา ถือเป็นเรื่องที่ผิดร้ายแรง ตนจึงอาศัย ผู้ที่มีความรู้เรื่องกฎหมายให้ดูข้อกฎหมายว่าด้วยมาตรา 60 ที่ระบุว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยกเลิกได้ฝ่ายเดียวถ้าอีกฝ่ายหนึ่งละเมิดร้ายแรง ซึ่งเรื่องนี้มีข้อจํากัดในข้อกฎหมายว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะอาศัยการยกเลิกตามมาตราหกสิบจะเสียสิทธิ์หากมีพฤติกรรมว่าสนธิสัญญายังคงดําเนินต่อเท่ากับว่าคุณยอมรับว่ามันไม่ร้ายแรง ทําให้ตนรู้สึกว่าอันตรายมาก เนื่องจากว่ารัฐบาล บอกจะรอประชามติและนายกฯบอกว่าจะทําให้บรรยากาศชายแดนดีขึ้น ซึ่งทั้ง 2 เงื่อนไขแปลว่า รัฐบาลมองว่าเหตุการณ์ไม่ร้ายแรง ต้องฟังเสียงประชาชน เป็นการโยนให้ประชาชน

นอกจากนี้ ยังจะมีการประชุม JBC เท่ากับว่าเราเห็นว่าที่ผ่านมากัมพูชาไม่ได้ละเมิดร้ายแรงจึงกลับมาประชุมใหม่ส่วนตัวจึงมองว่าเวลาเหลือน้อยนิดเดียวต้องมายื่นเรื่องนั้นถึงนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเหลือเวลาอีกแค่ 7 วัน แต่ไม่มีการบอกความเคลื่อนไหวกับคนไทย จึงอยากให้มีการประกาศยกเลิกเอ็มโอยูทันที รวมทั้งมี แสดงจุดยืนเรื่องของการยกเลิก MOU 2544 ที่มองว่ามีจุดอ่อนทำให้ไทยเสียเปรียบ ซึ่งส่วนตัวต้องการยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับเป็นการยกเลิกสิ่งที่ไทยเสียเปรียบในอดีตทั้งหมด แล้วกลับมาเจรจาใหม่ ก่อนที่นายปานเทพจะระบุว่าพูดเรื่อง MOU มา 14 ปีแล้ว ความจริงบางอย่างมันใช้เวลาตั้ง 14 ปี กว่าประชาชนจะเข้าใจ แต่ไม่เสียดายชาติเกิดที่เราเกิดมาได้ทำหน้าที่ เรียกเสียงปรบมือจากมวลชนที่มาให้กำลังใจ /หลังจากที่ฟังนายปานเทพทำความเข้าใจเรื่องการมายื่นหนังสือให้นายกฯ จบมวลชนก็รอจนกระทั่ง นายปานเทพ และได้รับเลขยื่นหนังสือร้องทุกข์ ก่อนที่ทุกคนจะเดินทางกลับ