"นายกฯ อนุทิน" ยังไม่ได้ฟัง "สารคดีแคมป์ 511-ซาวด์ผี" แต่เชื่อไม่ทำให้ไทยเพลี่ยงพล้ำต่อเวทีโลก ย้ำมอบอำนาจทหาร-กต.เต็มที่ รอฟังผลศึกษาก่อนเคาะประชามติ MOU43-44 ยันไม่ยอมให้ไทยเสียเปรียบ
วันที่ 13 ต.ค. 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีการเดินทางมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยมีการกล่าวถึง กรณีที่มีโพสต์ข่าวบิดเบือนกล่าวหาว่าตนไปตำหนิแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าการนำเสนอข่าวแบบนี้เป็นการนำเสนอข่าวที่แย่เพราะตนไม่เคยรู้จักกับแม่ทัพภาคที่ 2 และไม่ใช่จะไปเที่ยวตำหนิคนนั้นคนนี้ ทุกคนทำงานเพื่อบ้านเมืองหมด ดังนั้นตนจึงจะให้ทีมกฎหมายฟ้องดำเนินคดีต่อไป
ส่วนเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญที่พรรคเพื่อไทยอยากจะให้ร่างของพรรคเป็นร่างหลักนั้น ในอนุทินระบุว่า จะต้องมีการหารือกัน ซึ่งจะมีการเริ่มประชุมในวันที่ 14-15 ตุลาคมนี้ ซึ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามกลไกของรัฐสภา แต่หากรัฐบาลอยู่ไม่ถึง 4 เดือน อย่างน้อยก็ถือว่าร่างกฎหมายได้เข้าสู่รัฐสภาแล้ว ส่วนร่างของพรรคภูมิใจไทยก็มีจุดยืนเดิม คือไม่แตะ หมวด 1 หมวด 2 และ ม.112
ส่วนกรณี นายพินิจ จันทรสุรินทร์ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นบ้านใหญ่ สส.จังหวัดลำปาง พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ามาที่พรรคภูมิใจไทยในวันนี้นั้น เป็นการประสานของนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อถามว่าได้ชวนมาอยู่ภูมิใจไทยด้วย นายอนุทิน ตอบว่า “คงงั้นมั้ง”
ส่วนมาตรการชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้เป็นการดำเนินการจากเบาไปหาหนักหรือไม่ นายอนุทิน เผยว่า เรื่องดังกล่าวตนได้มอบอำนาจให้กับทางกองทัพตัดสินใจอย่างเต็มที่ ส่วนการเจรจาทางการทูต ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ ซึ่งเมื่อวานนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เดินทางไปที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อพูดคุยกับทางด้านของ นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของประเทศกัมพูชา ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ได้รับอำนาจจากรัฐบาลให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ตนยังได้ทำหนังสือ ตอบกลับไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แล้ว ในกรณีเรื่องของข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา ส่วนกรณีที่ สว.อังคณา นีละไพจิตร ออกมาติงเรื่องการเปิดสารคดีและซาวด์ผี ว่าเป็นการกระทบสิทธิมนุษยชน นายอนุทิน ระบุว่า ตนขอกลับไปฟังก่อนเพราะยังไม่มีเวลาฟัง เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาตนลงพื้นที่ตลอด แต่อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ทางกฎหมายไทยและสากล และยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ทำให้ไทยเพลี่ยงพล้ำต่อเวทีโลก
สำหรับการทำประชามติ MOU 43-44 ซึ่ง นายบวรศักดิ์ อุวรรณโน รองนายกรัฐมนตรีจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะมีการมอบแนวทางอย่างไรนั้น นายอนุทิน ระบุว่า ขอดูผลการศึกษา 2 กรรมาธิการ ทั้งสภาร่างและสภาสูง ยืนยันว่าทุกอย่างต้องมีทางออก ส่วนคณะรัฐมนตรีคือกลุ่มที่จะยกเลิกหรือไม่ยกเลิก จึงต้องมีการรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด และต้องคำนึง ถึงผลได้ผลเสียมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลยืนยันได้คือ ไม่มีวันที่จะทำให้ไทยเสียเปรียบ เมื่อถามว่ายังคงเดินหน้าจัดทำประชามติ จนกว่าผลการศึกษาจะออกมาใช่หรือไม่ นายอนุทินระบุว่า ก็ต้องเป็นไปตามนั้น นโยบายแถลงอะไรก็ต้องปฏิบัติ