แจ้งเตือนประชาชนทุกพื้นที่-ทั่วประเทศ ช่วงปลายฝนต้นหนาว ระวังป่วยไข้หวัดใหญ่ระบาดได้ง่ายมากขึ้น พบป่วยสะสมทั่วประเทศแล้วรวมกว่า 702,238 ราย เสียชีวิตแล้ว 61 ราย ในกลุ่มผู้สูงอายุ-เด็กยอดป่วยพุ่งควรระวังให้มาก แนะกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนป้องกันปีละ 1 ครั้ง

วันที่ 9 ตุลาคม 2568 มีรายงานว่า ที่ จ.ชัยภูมิ ในช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวอาจทำให้ประชาชนติดเชื้อโรคทางเดินหายใจได้ง่าย โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดทั้งปี




ด้าน นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา (สคร.9 นครราชสีมา) ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงปลายฝนต้นหนาวปีนี้มีความห่วงใยประชาชน ถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ที่ตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 มกราคม - 8 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยสะสมในทั่วประเทศจำนวนมากกว่า 702,238 ราย อัตราป่วย 1,081.83 ต่อประชากรแสนคน มีผู้เสียชีวิตสะสม รวม 61 ราย อัตรา (เสียชีวิต) 0.09 ต่อประชากรแสนคน


ในกลุ่มอายุที่มีอัตราป่วยมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มอายุ 5-9 ปี อัตราป่วย 3,787.30 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 0-4 ปี อัตราป่วย 2,981.00 ต่อประชากรแสนคน และกลุ่มอายุ 10-14 ปี อัตราป่วย 2,553.40 ต่อประชากรแสนคน


ส่วนกลุ่มอายุที่เสียชีวิตสูงสุด 4 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 50-59 ปี กลุ่มอายุ 40-49 และกลุ่มอายุ 0-4 ปี




โดยแยกในส่วนของสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในเขตสุขภาพที่ 9 (กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์) ตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 มกราคม - 8 ตุลาคม 2568 มีผู้ป่วยสะสม จำนวน 60,624 ราย อัตราป่วย 918.68 ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิตสะสม จำนวน 20 ราย อัตราป่วย 0.30 ต่อประชากรแสนคน


แยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้

1) จ.นครราชสีมา มีผู้ป่วย 29,524 ราย เสียชีวิต 18 ราย
2) จ.สุรินทร์ มีผู้ป่วย 11,723 ราย
3) จ.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 11,384 ราย เสียชีวิต 2 ราย
4) จ.ชัยภูมิ มีผู้ป่วย 7,993 ราย


กลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 5-9 ปี รองลงมาคือกลุ่มอายุ 0-4 ปี และกลุ่มอายุ 10-14 ปี ตามลำดับ




ในช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง อยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว อาจทำให้ติดเชื้อโรคทางเดินหายใจได้ง่าย โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดทั้งปี โรคนี้สามารถติดต่อกันได้ผ่านการไอ จาม หรือสัมผัสฝอยละอองน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย ทำให้ผู้ที่ได้รับเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่มีไข้สูง มีน้ำมูก ไอ เจ็บคอ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ


ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อกันได้ทุกเพศทุกวัย และมักพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน เช่น โรงเรียน เรือนจำ ค่ายทหาร หรือสถานที่ทำงาน ขอให้หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนแออัด หรือสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน ล้างมือบ่อย ๆ




พร้อมแนะนำ 7 กลุ่มเสี่ยง คือ หญิงตั้งครรภ์ (อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป) เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปีทุกคน ผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน) ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป โรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) โรคอ้วน และผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ให้ไปรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง


ทั้งนี้ นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวอีกว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งที่จำเป็น โดยเฉพาะ 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่


1. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
2. เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี ทุกคน
3. ผู้มีโรคเรื้อรัง ดังนี้ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย
4. ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป
5. โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
6. โรคอ้วน (น้ำหนัก> 100 กิโลกรัม หรือ BMI > 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)
7. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้


ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ โดยให้ไปรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้งที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422