"เอกนิติ" แถลงมติ ครม. เห็นชอบโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ภายใต้กรอบวงเงิน 4.4 หมื่นล้านบาท เช็กเลยกลุ่มไหนได้เงินเท่าไร?
วันที่ 7 ตุลาคม 2568 เวลา 12.55 น. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำแถลงข่าวโครงการคนละครึ่งพลัส โดยมี นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง และนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ร่วมแถลง
“คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการดำเนินการโครงการคนละครึ่งพลัสซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ว่าเราต้องการที่จะแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศในเรื่องของภัยเศรษฐกิจในการฟื้นความเชื่อมั่นคืนความสุขให้พี่น้องประชาชนไทยและเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายให้พี่น้องประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อให้มีพลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น”
วันนี้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบคนละครึ่งพลัสเพื่อต่อสู้กับภัยเศรษฐกิจที่เราเห็นทิศทางชัดเจนว่าในไตรมาสที่ 4 มีแนวโน้มที่จะติดหล่ม การขยายตัวจะชะลอลง เพราะฉะนั้นโครงการคนละครึ่งพลัสจะเป็นโครงการเรือธงหนึ่งที่จะมาเสริมจากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เรามีมติเติมเงินไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจกระตุ้นสั้นได้ผลยาวและกระจายตัว
กระตุ้นสั้น คือเราจะช่วยประชาชน 20 ล้านสิทธิ์ในการลดรายจ่าย จะช่วยร้านค้ารายเล็กรายย่อย พ่อค้าแม่ค้าจะมีสิทธิ์เพิ่มรายได้จากยอดรายจ่ายที่ประชาชนจะมาจับจ่ายใช้สอยผ่านโครงการคนละครึ่งพลัสมากขึ้น
ได้ผลยาว คือ เราจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ผลยาว เราจะมีพลัสใน 2 เรื่องที่สำคัญคือ คนที่อยู่ในระบบภาษีจะได้เงิน 2,400 บาท ส่วนคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีได้ 2,000 บาท อีกทั้งเป็นเรื่องของการเพิ่มทักษะให้กับพ่อค้าแม่ค้า ทำให้ขายเก่งมากขึ้น โดยใช้ระบบเทคโนโลยี และจะรู้ต้นทุนลดรายจ่ายได้มากขึ้นด้วยเทคโนโลยี รวมถึงเราจะมีโครงการเรียนรู้เพิ่มทักษะเพื่อช่วยในการค้าขายต่างๆ เช่น AI
คนละครึ่งพลัส แตกต่างจากเดิมอย่างไร
พลัสที่ 1 จากเดิมให้ประชากรอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ครั้งนี้จะเป็น 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เพราะเด็กรุ่นใหม่สมัยนี้มีกำลังซื้อมากขึ้น ขายของออนไลน์ได้มากขึ้น มีรายได้มากขึ้น
พลัสที่ 2 จะเพิ่มวงเงินสมทบของรัฐต่อวันจาก 150 บาทเป็น 200 บาทต่อวัน เพื่อเพิ่มกำลังซื้อและภาพรวมเศรษฐกิจในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
พลัสที่ 3 เพิ่มสิทธิให้ผู้อยู่ในระบบภาษีเป็น 2,400 บาท ประชาชนทั่วไปได้ 2,000 บาท ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1,700 บาท
พลัสที่ 4 เพิ่มผู้ประกอบการรายย่อย หรือที่เรียกว่า Micro SME ซึ่งมีรายได้ตลอดปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ครั้งนี้เราจะให้ผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลเข้าโครงการนี้ได้ด้วย รวมทั้งวิสาหกิจชุมชน
พลัสที่ 5 เพิ่มทักษะความรู้ อัปสกิล-รีสกิล ให้ร้านค้าผู้ประกอบการรายย่อย เรียนรู้ทักษะใหม่ใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาให้ขายเก่งขึ้น ใช้ AI ในการขยายธุรกิจสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งจากล่างขึ้นบน
ทั้งหมดนี้เป็นไปตามนโยบายแนวคิดเรื่อง Quick Big Win โดย Quick คือ ต้องทำให้เร็ว เราจะใช้ Application “เป๋าตังและถุงเงิน” ซึ่งมีอยู่และคนคุ้นเคยอยู่แล้ว สามารถนำมาใช้คนละครึ่งพลัสได้ทันที ก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันที
ทางด้านแหล่งเงินงบประมาณเราจะใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณเดิมที่รัฐบาลได้อนุมัติไว้อยู่แล้วในปี 2569 และใช้งบกลางอีก 19,000 ล้านบาท รวมเป็น 44,000 ล้านบาท (หากรวมในส่วนของประชาชนก็จะเป็น 88,000 ล้านบาท) และหากรวมกับที่ให้ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 23,000 ล้านบาท จะรวมเป็น 100,000 ล้านบาท จะช่วยกระตุ้น GDP 0.3-0.4%
Big การใช้เม็ดเงินในส่วนนี้จะทำให้ใหญ่พอ ทำให้อย่างน้อยเศรษฐกิจไม่ติดหล่ม ส่วน Win จะช่วยให้ประชาชนพ่อค้าแม่ค้าผู้ประกอบการทั้งหลายที่เป็น Micro SME สามารถที่จะช่วยกระจายตัวไปทั่วประเทศให้กลุ่มประชาชนและร้านค้าได้ประโยชน์
ย้ำไทม์ไลน์ “คนละครึ่งพลัส”
15 ตุลาคม 2568 จะเปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ
20-26 ตุลาคม 2568 จะเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ
29 ตุลาคม เริ่มใช้จ่าย ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2568