"อ.วันวิชิต" เชื่อไทยอดทนเป็นผลดีต่ออนาคต ไม่ตกกับดักเกมยั่วยุของกัมพูชา
วันที่ 27 ก.ย. ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ออนไลน์ ลงพื้นที่สัมภาษณ์ ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความคิดเห็นถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชามีความพยายามสร้างสถานการณ์ยั่วยุฝ่ายไทย โดยเผยว่า กัมพูชาเล่นบทยั่วยุเพื่อต้องการทดสอบอำนาจ เพราะเขาคิดว่าสถานการณ์ชายแดนตอนนี้อยู่ในช่วงสุญญากาศเนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านแม่ทัพทั้ง 2 ภาค แต่กัมพูชาประเมินเราต่ำไป เพราะพล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ก็ทำงานประสานใกล้ชิดกับพล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 มาโดยตลอด ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาจึงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งกัมพูชากำลังทดสอบว่าเราจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ตอบโต้ทันทีหรือไม่ แต่เราอยู่ในภาวะการอดทนอดกลั้น ไม่ตกกับดักเกมยั่วยุของกัมพูชา
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตอีกหนึ่งอย่าง คือกัมพูชาหมดมุก เพราะแรกๆกัมพูชาตำหนิไทยเช้าเย็น แต่ตอนหลังกัมพูชาจนด้วยหลักฐาน ทั้งทางวิทยาศาสตร์ เอกสาร หรือหลักฐานตามตัวบุคคล ซึ่งหมายถึงการรวมตัวกันที่บ้านหนองจานมีทั้งพระปลอม เช้าเป็นทหาร ตกบ่ายมาเป็นพระมาประท้วง ซึ่งคนก็เห็นแล้วว่ามันไม่เนียน ประกอบกับการโต้ตอบของไทยมีเป็นระบบ และ มีหลักฐาน
ทั้งนี้ กัมพูชาเองคงตกใจและได้เห็นการตอบโต้ที่ชัดเจนและรุนแรง ในเชิงลักษณะการประณามของไทย เพราะกองทัพได้รับอนุญาตจากรัฐบาลให้ดำเนินการแทน ทั้งนี้รัฐบาลของนายอนุทิน จึงสามารถดูแลได้อย่างครอบคลุม รวมถึง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม ที่เป็นมืออาชีพ และมีความเป็นเอกภาพ
ส่วนประเด็นชาวบ้าน ในพื้นที่ต้องอพยพและอยู่กับความวิตกกังวล บางส่วนก็มองว่าอยากให้ปะทะให้จบไปเลย อาจารย์วันวิชิต กล่าวว่า เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน แต่การกระทำที่เป็นกรอบและเป็นระบบ จะต้องอธิบายความชอบธรรมในเวทีระดับนานาชาติได้ และขอให้เชื่อว่าในบั้นปลายย่อมดีเสมอ ตนเชื่อว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม รวมถึงคณะผู้สังเกตการณ์ ก็ได้ชื่นชมว่าไทยเป็นผู้มีวุฒิภาวะอดทนอดกลั้น
ส่วนการที่ฮุนเซน ออกมาประกาศว่าต่อให้ปิดด่านเป็น 100 ปี ก็ไม่มีผลกระทบ อาจารย์วันวิชิต มองว่า ก่อนจะ 100 ปี ฮุนเซนคงตายก่อน ไม่มีหน้ามารับผิดชอบ แต่ก็พูดไปเรื่อย กลับมาทิ้งมรดกบาปให้ 2 ประเทศมีความเกลียดชังกัน ไทยไม่เคยด้อยค่า มีแต่ฝั่งกัมพูชาเองถูกฝังหัวว่าให้เกลียดไทย เพื่อใช้โอกาสในการโจมตีไทยในการหาเสียงทุกการเลือกตั้ง สุดท้ายแล้วถ้าวันหนึ่งฮุนเซนไม่อยู่แน่นอนว่าลูกชายอย่างฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีคงไปไม่รอด อาจจะต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ
"ทั้งนี้ถ้าเกิดว่าไม่มีฮุนเซน ตนเชื่อว่าการพูดคุยจะเป็นไปได้ด้วยดีขึ้น เพราะผู้นำรุ่นใหม่จะรู้แล้วว่า หากกลับไปใช้ระบบเดิม ก็จะเป็นการกดประเทศให้เกิดวิกฤตจราจล"
นอกจากนี้อาจารย์วันวิชิต พูดถึงประเด็นคลิปเสียงของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มีการพูดถึงพื้นที่บ้านหนองจาน เมื่อในอดีต ว่า ถือว่าเป็นความเห็นส่วนบุคคลไม่มีผลอะไร ผบ.เหล่าทัพท่านอื่นๆก็ยืนยันในหลักฐานชัดเจน ซึ่งจริงๆสิ่งที่พล.อ.ประวิตร ถนัดที่สุดต้องตอบว่า “ไม่รู้” จะดีที่สุด ซึ่งถ้ามีการแสดงความคิดเห็นนอกเหนือจากนี้คงไม่ใช่ทางของท่าน ถึงแม้ว่ากัมพูชาพยายามหยิบยกคำพูดนี้ขึ้นมา แต่คนอื่นก็ไม่ได้เชื่อตามไปด้วย และยืนยันว่าไม่มีผลอะไร
ส่วนกระแสข่าวที่มีการเสนอหาพื้นที่รองรับ ให้ชาวกัมพูชาที่ต้องอพยพออกไปจากบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยเป็นการสร้างบ้านให้ใหม่แทนบ้านที่รื้อไป เรื่องนี้อาจารย์วันวิชิต เผยว่า ตนไม่เห็นด้วย ยกเว้นแต่ภาคเอกชนอยากจะบริจาคเป็นการส่วนตัว เพื่อผลักดันให้ไปไวๆ แต่อย่ามากินภาษีประชาชน แค่เติบโตทำมาหากินเรียนหนังสือในประเทศไทย ก็ถือว่าช่วยเหลือมากพอสมควรแล้ว
ซึ่งในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ หากกัมพูชายังไม่อพยพออกไป ตนเชื่อว่าต้องมีการยกระดับ โดยที่ตำรวจ ตชด. คฝ. ในพื้นที่จะต้องจับกุมผู้บุกรุกมาดำเนินคดี ทั้งคดีอาญา และ คดีแพ่ง รวมถึงการทำลายทรัพย์สินราชการ ซึ่งปกติแล้วในพื้นที่ที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ถ้าศัตรูเข้ามาใกล้เพียงนิดเดียว สามารถจัดการได้เลย ซึ่งกัมพูชาต้องการภาพแบบนั้น ต้องการทำคอนเทนต์
เมื่อถามว่าทำไมกัมพูชา จึงไม่ยอมเจรจากับเราดีๆ อาจารย์วันวิชิต เผยว่า เพราะมันเป็นวาระทางการเมือง มีผลประโยชน์ทับซ้อน เยอะ มีธุรกิจสีเทาที่เป็นเงินหล่อเลี้ยงของระบอบฮุนเซน
ส่วนเรื่องการเปิดด่าน ตนมองว่า คงไม่ได้เปิดในรัฐบาลชุดนี้ คงเป็นภายในปลายปีหน้า หรืออาจไม่มีกำหนดเพราะกัมพูชาชุดพ่อลูกฮุนเซนต้องถอนทุกอย่างออกจากศาลโลก ยอมออกจากพื้นที่ และจัดการเรื่องทุ่นระเบิด งดการยั่วยุและการเสริมกำลัง สิ่งเหล่านี้ต้องหมดไป หากทำได้ทั้งหมดเราค่อยมาพูดคุยเรื่องการเปิดด่านกัน ซึ่งหลังจากนี้หากมีการเปิดด่านแล้วความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศคงไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ ต้องระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งต้องเตรียมกำลังพลให้เพียงพอ และพร้อมที่จะต่อสู้กับศึกสงคราม
สุดท้ายนี้เราเองก็จับตาดูท่าทีของกัมพูชา เพราะการปะทะมันก็จะเริ่มมาจากฝั่งกัมพูชา แต่ถ้าหากว่ามีการใช้อาวุธหนักอย่างปืนใหญ่ หรือปืนBM21 ไทยก็ไม่รอแน่นอน ไทยเราเองก็เตรียมความพร้อมไว้เสมอ แต่ตนก็มองว่า สงครามเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่ปรารถนา ซึ่งเราได้มีการเสนอแนวทางแห่งสันติภาพในการอยู่ร่วมกัน เพราะยังไงไทยและกัมพูชาก็ต้องเป็นเพื่อนบ้านกันต่อไปจนกว่าโลกจะแตก ดังนั้น เราต้องไม่เพิ่มพูนความเกลียดชังของคนทั้ง 2 ประเทศ แต่ผู้นำของเขาไม่มีความชอบธรรม และจริยธรรมในการปกครอง ซึ่งเราก็ต้องแยกประชาชนกับคนปกครองออกให้มีความชัดเจน ตนเชื่อว่าเราอยู่ในกรอบที่ชอบธรรมอย่างสูง ซึ่งการทวงคืนศักดิ์ศรีในเวทีระดับประเทศ เราจะได้รับความเคารพอย่างมาก