"สันธนะ" หอบแฟ้มใส เผยข้อมูลเด็ด 4 คนสำคัญ "ภูมิใจไทย" รับส่วยกาสิโนชายแดนไทย-เขมร 9 แห่ง พร้อมตัดพ้อ ขอเจอ "อนุทิน" แต่ไร้เงาไม่อยู่พรรค
วันนี้ 22 ก.ย. 68 นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เดินทางมาที่พรรคภูมิใจไทย เพื่อยื่นเอกสารจำนวน 50 หน้า เกี่ยวกับข้อมูลนักการเมือง 4 คนระดับผู้บริหารของพรรคภูมิใจไทย ที่นายสันทนะอ้างว่ามีส่วนรู้เห็นหรือได้รับผลประโยชน์ทางตรง หรือทางอ้อมจากการลงทุนธุรกิจบริเวณชายแดนประเทศไทย-กัมพูชา
นายสันธนะ เผยว่า วันนี้ตนตั้งใจนำเอกสารดังกล่าว มายื่นให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี โดยบอกว่าวันนี้ตนใส่เป็นแฟ้มใส ไม่ต้องใส่ซองสีน้ำตาล พร้อมบอกว่าวันนี้คนเสิร์ฟเป็นออร์เดิฟก่อน เป็นเอกสารที่มีทั้งภาพและข้อมูลของนักการเมืองทั้ง 4 คน โดยนายสันธนะ ได้เปิดเผย 2 คนแรกแบบเป็นนัยว่าคนแรก เป็นบุคคลสำคัญของพรรคภูมิใจไทยตนเองสนิทกับพี่ชายพร้อมเปิดเผยว่าพี่ชายของนักการเมืองท่านนี้เคยโดนคดีจนต้องหลบหนี ซึ่งในขณะนี้คดีสิ้นสุดอายุความแล้ว ทำให้ตนไม่ได้ติดต่อกับบุคคลนี้อีก ส่วนอีกคนเป็นบุคคลสำคัญของพรรคเช่นเดียวกันและมักจะบอกว่า มีคนชอบเกาะกระแสตัวเขา แต่ในสาธารณะระบุว่าบุคคลคนนี้เป็นคนลืมตัว พร้อมบอกว่าการเมืองประเทศไทยมันฟอกตัวได้จริง //ส่วนอีกสองคนที่เป็นรัฐมนตรี นายสันทะบอกว่าเป็นคนเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ แต่รีดไม่เรียบ และเป็นรัฐมนตรีที่ไม่เคยถูกลืม และเมื่อมีการตั้งครบเมื่อไหร่จะเห็นชื่อของเค้าอยู่ในรายชื่อคณะรัฐมนตรีทุกรอบ โดยอ้างว่าสองรัฐมนตรีนี้มีการเรียกรับผลประโยชน์เรื่องของกาสิโนทั้ง 9 แห่งและใกล้ชิดกับบุคคลที่สามคือเฮียตือและซ้อแหม่ม โดยระบุว่าทั้งสองคนนี้เป็นเจ้าพ่อและเจ้าแม่ของปอยเปรต
หลังจากที่เปิดเผยข้อมูลนักการเมืองทั้ง 4 คน นายสันธนะ บอกว่าที่ตนเดินทางมาวันนี้ไม่ได้เป็นการข่มขู่หรือต้องการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด และย้ำว่าที่ผ่านมาตนไม่เคยมีพฤติกรรมเหล่านี้ แต่ก็ยอมรับว่าตนไม่ใช่บุคคลสายขาว ปน ก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับกาสิโนด้วยเช่นเดียวกันแต่รับไม่ได้ที่มีคนบางกลุ่มเอาประเทศชาติมาแลกกับผลประโยชน์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าที่นายสันธนะเคยยื่นหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมาแต่ไม่ได้รับการตอบรับสะท้อนอะไรหรือไม่ นายสันธนะ ตัดพ้อว่า เขาไม่อยากคุยกับผม แต่จะพูดว่าหนีเลยก็เกินไป ปกติก็ไม่ใช่คนที่ไม่เคยเจอกันไปทานอาหารก็เจอกันหลายทีเดินสวนทางกันก็ทักทายกัน แต่ในวันนี้เค้าเป็นนายกเขาก็ต้องลืมทุกคน มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแล้วจะต้องเป็นเรื่องประเทศชาติอย่างเดียว ซึ่งตนก็เข้าใจ
สุดท้ายผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการที่นายสันธนะและนายชูวิทย์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวถึงพรรคภูมิใจไทยในห้วงเวลาเดียวกัน มีนัยอะไรหรือไม่ นายสันธนะเผยว่า ที่ตนออกมาเคลื่อนไหวเป็นคนละสาเหตุกับที่นายชูวิทย์ออกมาเคลื่อนไหวเพราะนายชูวิทย์เป็นปฏิปักษ์กับพรรคภูมิใจไทยมาก่อน ส่วนตนก็เสมอต้นเสมอปลายกับทั้งสองพรรค