ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาวบัญชีม้า เอี่ยวแก๊งโรแมนซ์สแกมต่างชาติ ลวงเหยื่อโอนเงินค่าภาษีศุลกากร สูญกว่าแสนบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำโดย พ.ต.ต.รัฐชิน เจริญรัมย์ สว.กก.3 บก.ปอศ., ด.ต.วิทวัส เพ็งแก้ว, จ.ส.ต.วราวุฒิ คงเพชร, จ.ส.ต.ปภาวิน เทพจันทร์ ผบ.หมู่.กก.3 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม น.ส.ประภัสสร อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดแพร่ ที่ จ.377/2566 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้จับกุม น.ส.ประภัสสร ผู้ต้องหาในเครือข่าย “บัญชีม้า” คดีโรแมนซ์สแกมที่หลบหนีหมายจับมานานเกือบ 2 ปี
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2566 ได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ ว่าถูกมิจฉาชีพชาวต่างชาติได้สร้างโปรไฟล์ปลอมรูปภาพดูดี เข้ามาทำความรู้จักผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเข้ามาตีสนิทผู้เสียหายในลักษณะเชิงชู้สาว (Romance Scam) เมื่อพูดคุยจนตีสนิทและทำให้ผู้เสียหายไว้วางใจแล้ว มิจฉาชีพได้ออกอุบายว่าได้ส่งของขวัญมีค่ามาให้จากต่างประเทศ แต่พัสดุดังกล่าวติดอยู่ที่กรมศุลกากร และขอให้ผู้เสียหายช่วยโอนเงินเพื่อชำระค่าภาษีนำเข้าก่อน จำนวนกว่า 100,000 บาท โดยอ้างว่าเมื่อได้รับของแล้วจะรีบโอนเงินคืนให้ทันที ต่อมาผู้เสียหายได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.ประภัสสร เพื่อเป็นค่าภาษี แต่หลังจากโอนเงินเรียบร้อยแล้ว กลับไม่สามารถติดต่อมิจฉาชีพชาวต่างชาติคนดังกล่าวได้อีกเลย จึงเชื่อว่าตนถูกหลอกลวง และได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี จนกระทั่งศาลได้อนุมัติหมายจับ น.ส.ประภัสสร ในฐานะเจ้าของบัญชีที่ใช้ในการรับเงินมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ชุดปฏิบัติการที่ 2 กก.3 บก.ปอศ. ได้นำกำลังลงพื้นที่เพื่อพิสูจน์ทราบและเฝ้าสังเกตการณ์ผู้ต้องหาตามหมายจับ จนกระทั่ง พบบุคคลลักษณะรูปพรรณตรงตามหมายจับ ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งภายในชุมชนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าแสดงตนพร้อมบัตรข้าราชการตำรวจ และขอตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งยืนยันว่าเป็น น.ส.ประภัสสร ตัวจริง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายจับให้ดู น.ส.ประภัสสร เมื่อเห็นหมายจับก็ยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับในหมายจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมในคดีดังกล่าวมาก่อน
จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.ประภัสสร อ้างว่า มีคนรู้จักมาหลอกให้ตนใช้โทรศัพท์มือถือ “สแกนใบหน้า" ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารเพื่อเปิดบัญชีออนไลน์ และให้ตนกรอกข้อมูลส่วนตัว เมื่อเปิดบัญชีออนไลน์สำเร็จเรียบร้อยแล้ว บัญชีดังกล่าวก็ถูกคนรู้จักนำไปใช้ โดยที่ตนไม่เคยได้รับสมุดบัญชีหรือบัตรเอทีเอ็ม และไม่เคยทราบความเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีเลย จึงเชื่อว่าตนตกเป็นเหยื่อถูกหลอกให้ใช้ใบหน้าและข้อมูลส่วนตัวในการเปิดบัญชีม้า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมาย และควบคุมตัว น.ส.ประภัสสร นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย การรับจ้างเปิดบัญชี หรือยอมให้ผู้อื่นใช้ชื่อท่าน “สแกนใบหน้า” เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายและอันตราย ท่านจะต้องรับผิดชอบในฐานะเจ้าของบัญชีและจะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาทันที ซึ่งมีโทษสูงสุดตามกฎหมายคือ จำคุก 3 ปี ปรับ 300,000 บาท หากพบเบาะแส แจ้งสายด่วน 1441 หรือ 1195