ฝ่ายปกครอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ บุกรวบหนุ่มทวงหนี้ดอกโหด หลังผู้เสียหายร้องกู้ 5,000 จ่ายเกือบ 40,000 ยังตามทวง ข่มขู่ เจ้าตัวอ้างไม่ได้ปล่อยกู้แค่ให้ผ่อนทอง ขณะที่ผู้เสียหายยืนยันไม่ได้ผ่อนทอง
วันที่ 17 กันยายน 2568 ความคืบหน้ากรณีที่นายกฤต (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ชาวตำบลหนองยายพิมพ์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ อาชีพช่างเสริมสวย ได้นำหลักฐานคลิปเสียงสนทนาที่อ้างว่าเป็นคลิปเสียงที่ถูกแก๊งทวงหนี้ข่มขู่ พร้อมรายการกู้เงินรายวัน และสลิปการโอนจ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัว เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนางรองให้ช่วยเหลือ เนื่องจากถูกแก๊งทวงหนี้ข่มขู่และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด
โดยผู้ร้องให้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน ทั้งค่าน้ำค่าไฟ หมุนเงินไม่ทัน จึงตัดสินใจกู้เงินรายวันหรือเงินนอกระบบตามที่เพื่อนแนะนำ โดยนัดทำสัญญากู้ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งได้ยื่นเงินกู้ 5,000 บาท แต่ถูกหักค่าดำเนินการล่วงหน้า 600 บาท จึงได้รับเงินจริงเพียง 4,400 บาท โดยเงื่อนไขต้องจ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัวทุกวันๆ ละ 100 บาท จนกว่าจะมีเงินต้นไปปิด ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้โอนดอกเบี้ยจ่ายวันละ 100 บาท มาตลอดเกือบ 1 ปีไม่เคยผิดนัดเลย แต่วันที่ 5 กันยายน 2568 ฝนตกไม่มีลูกค้า รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย จึงไม่ได้โอนจ่ายดอกเบี้ย 2 วัน แก๊งทวงหนี้ก็โทรมาข่มขู่ ตนก็โอนจ่ายให้ไปแต่เขาขู่ให้จ่ายเพิ่มเป็นวันละ 150 แต่ตนจ่ายแค่วันละ 100 แต่ก็กลัวจะถูกทำร้ายเพราะเขาข่มขู่เอาไว้ จึงได้นำหลักฐานเข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วยเหลือ เพราะที่ผ่านมาจ่ายไปแล้วเกือบ 40,000 บาท ทั้งที่ได้เงินต้นมาแค่ 4,400 บาท แม้จะยังไม่มีเงินก้อนไปปิดต้น แต่ก็โอนจ่ายดอกไปแล้วเกือบ 10 เท่า จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ
ล่าสุด นายธนธรณ์พล ไขว้พันธ์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยนายจักร์กฤษ ร่วมกูล ปลัดอำเภอฝ่ายศูนย์ดำรงธรรม, นายชาญวิทย์ วงศ์สัมพันธุชัย ปลัดอำเภอ ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่กองร้อย อส.นางรอง ที่ 4 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่ได้รับร้องเรียน พบชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมาตามทวงหนี้กับผู้ร้องในซอยใกล้กับที่ว่าการอำเภอ ทั้งนี้ได้มีการถ่ายเอกสารธนบัตรของผู้ร้องไว้เพื่อเป็นการล่อซื้อจับกุม เมื่อมีการจ่ายเงินให้ชายหนุ่มที่เป็นแก๊งทวงหนี้ก็ขับรถออกไป เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ทราบชื่อคือ นายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี เป็นชาว จ.อุบลราชธานี จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นภายในรถเก๋ง พบหลักฐานเป็นธนบัตรฉบับละ 100 จำนวน 2 ฉบับ เจ้าตัวยอมรับว่าเพิ่งไปเก็บเงินกับผู้ร้องจริง ทั้งพบสมุดบัญชี หนังสือสัญญาเงินกู้ และสมุดรายชื่อของลูกค้าด้านในพบร่องรอยของการฉีกออกไปแล้ว คาดว่าเป็นการทำลายหลักฐานก่อนเจ้าหน้าที่จะไปถึง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสอบถามเพิ่มเติมที่ว่าการอำเภอนางรอง
จากการสอบถามนายเอ็ม ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ปล่อยเงินกู้ สัญญาเงินกู้ที่พบในรถก็ไว้ทำกับญาติที่มาหยิบยืมเงินเท่านั้น ส่วนสมุดรายชื่อก็เป็นชื่อลูกค้าที่มาขอผ่อนทองเท่านั้น ซึ่งตนเป็นคนเก็บเงินค่าผ่อนทองเท่านั้น ส่วนผู้ร้องก็จ่ายค่าผ่อนทองไม่ใช่เงินกู้ แต่จากหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมาร้อง และที่ตรวจพบในรถ เจ้าหน้าที่จึงไม่ปักใจเชื่อ
เบื้องต้น ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.นางรอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด , พ.ร.บ.ทวงถามหนี้ ประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนการข่มขู่ คุกคาม หรือการกระทำผิดอื่นๆ ก็ต้องดูที่พยานหลักฐานเพิ่มเติม
ขณะที่ ผู้เสียหาย บอกว่า รู้สึกโล่งใจ และขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยเหลือในการติดตามตัวแก๊งทวงหนี้มาดำเนินคดี เพราะได้ชำระหนี้เกินจำนวนเงินที่กู้มาหลายเท่าตัวแล้ว แต่ยังถูกตามทวงข่มขู่ไม่เลิก และยืนยันว่าเป็นการกู้ยืมไม่ได้ผ่อนทองตามที่แก๊งทวงหนี้กล่าวอ้าง หลังจากนี้คงไม่กล้ากู้อีกเพราะกลัว