วอรูมศูนย์ปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ช่วยอดีตอธิการบดีถูกหลอกเทรดหุ้น สร้างพอร์ตปลอม สูญเงินไปเกือบ 40 ล้าน และกำลังจะโอนเงินอีก แต่ธนาคารตรวจสอบพบความผิดปกติ เจ้าหน้าที่จึงโทรไปเตือนและเข้าไปหา อายัดเงินไว้ได้ 3 ล้านบาท

วันที่ 12 ก.ย. 2568 ที่ สน.บางซื่อ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาเข้าร่วมสอบปากคำผู้เสียหาย พร้อมให้ข้อมูลว่า กรณีของอดีตอธิการบดีคนนี้ถูกหลอกในลักษณะของการให้ร่วมลงทุนจากเพจๆ หนึ่ง และได้ผลตอบแทนสูง โดยมูลค่าความเสียหายเกือบ 40 ล้านบาท ซึ่งจากวอรูมศูนย์ปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ร่วมกับพนักงานสถาบันการเงิน ได้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวแล้วพบว่า มีเส้นเงินจากบัญชีของผู้เสียหายวิ่งเข้าไปยังบัญชีอื่นอย่างผิดปกติ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการอายัดไว้ได้ทัน โดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกหลอก ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะติดต่อไปที่ผู้เสียหายเพื่อแจ้งให้ทราบว่ากำลังถูกมิจฉาชีพหลอกอยู่

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเงินส่วนใหญ่ถูกโอนไปยังบัญชีม้า ก่อนที่จะมีการไปแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล และกดเป็นเงินสด

ภายหลังการซักถามข้อมูลนานเกือบ 2 ชั่วโมง พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะรักษาราชการแทน ผบก.น.2 ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตำรวจพบว่าผู้เสียหาย ได้ไปเจอเพจให้ร่วมเทรดหุ้นเมื่อเดือนสิงหาคม โดยมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นโบรกเกอร์ให้ร่วมเทรดหุ้น ก่อนที่จะถูกดึงเข้าไปในกลุ่มไลน์โดยเทรดไปหลายครั้ง โดยมิจฉาชีพจะสร้างพอร์ตปลอมขึ้นมา เสมือนว่าเทรดได้เงินจริงๆ

จากนั้น ก็ชักชวนให้ผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ที่มีสมาชิกเป็นร้อยคน เพื่อร่วมเทรดหุ้นแบบบิ๊กล็อต ซื้อในราคาถูก และได้กำไรเยอะ โดยเป็นการร่วมลงทุนหลายคน จำนวนหลาย 10 ล้านบาท ทำให้เหยื่อหลงเชื่อ และมีการโอนเงินไป 10 กว่าครั้ง สูญเงินทั้งสิ้น 38 ล้านบาท

ล่าสุดเมื่อวานนี้ ทางผู้เสียหายต้องการจะถอนเงิน 1 ล้าน 9 แสนบาทจากธนาคารกสิกรไทย เข้าสู่บัญชี 3 บัญชี ซึ่งทางธนาคารพบความผิดปกติ จึงโทรไปเตือนเหยื่อ และรีบเข้าไปหาเหยื่อ จึงทำให้สามารถอายัดเงินได้ 3 ล้านบาท

และจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขยายผลเพิ่มเติม ก็พบว่าเงินมีการเคลื่อนไหวไปกว่า 22 บัญชี และทางมิจฉาชีพจะใช้เป็นบัญชีบริษัทเพื่อสร้างความน่าเชี่อถือให้เหยื่อ และพบว่าไปกดเงินตามตู้ในต่างจังหวัด ส่วนสมาชิกในกลุ่มไลน์จะต้องตรวจสอบก่อนว่ามีใครเป็นหน้าม้า หรือใครเป็นผู้เสียหายบ้าง

ขณะที่ พลตำรวจตรี โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เล่าว่า ทางตำรวจได้เข้าไปหาเหยื่อเมื่อวานนี้ และแจ้งว่ามิจฉาชีพหลอก ซึ่งตอนแรกเหยื่อยังไม่เชื่อ ยังเข้าใจว่าตนเองเทรดหุ้นได้จริง ทางตำรวจจึงติดต่อไปทางธนาคารว่า ไม่มีบัญชีของเหยื่อที่นำไปเทรดหุ้นอยู่ ทำให้เหยื่อค่อยๆ ยอมรับแต่ก็ยังมีความหวังว่าจะได้เงินคืน

และยังดีที่ตำรวจเข้าไปถึงตัวเหยื่อได้ทัน ไม่อย่างนั้นเหยื่ออาจจะโอนเงินให้มิจฉาชีพเพิ่มอีก

ส่วนที่มิจฉาชีพใช้บัญชีบริษัทเป็นบัญชีปลายทางในการรับโอนเพราะมีความน่าเชื่อถือ และไม่ต้องสแกนหน้าเพื่อยืนยันตัวตน ซึ่งบริษัทเหล่านี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อฟอกเงินโดยเฉพาะ

ขณะที่ในท้องที่ สน. หัวหมาก ก็มีผู้เสียหายอีกหนึ่งรายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินอีก 6 ล้านบาท ซึ่งเป็นการหลอกในลักษณะเดียวกัน โดยพบว่าเส้นเงินบางส่วน ปลายทางไปยังธนาคารต่างประเทศ