อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งปิดสวนสัตว์โซนสัตว์ดุร้าย เพื่อตรวจสอบทุกด้าน จนกว่าจะมั่นใจจึงอนุญาตให้เปิด กำชับเข้มต้องมีอุปกรณ์เซฟตี้ และหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ดูแลความปลอดภัย
จากกรณี เหตุการณ์สุดสลดที่เกิดขึ้นภายในสวนสัตว์ชื่อดังในกทม. เมื่อเกิดเหตุสิงโตในสวนสัตว์ชื่อดัง ในกทม. ทำร้ายเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์ ขณะที่เจ้าหน้าที่เดินลงมาจากรถ โดยฝูงสิงโตได้รุมทำร้ายและรุมขย้ำเจ้าหน้าที่รายดังกล่าว ต่อหน้านักท่องเที่ยวจำนวนมากก่อนเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 10 ก.ย.68
ต่อมา เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 11 ก.ย 68 ที่ อาคารสืบนาคเสถียร ชั้น 12 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยถึงกรณีเกิดเหตุสลด สิงโต 5 ตัว รุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ภายในสวนสัตว์ชื่อดังในกรุงเทพฯ จนเสียชีวิต ว่าจากภาพข่าวและข้อมูลที่ได้รับรายงานพบว่าสิงโตทั้งหมดได้จู่โจมกัดคอเจ้าหน้าที่จนบาดเจ็บสาหัส ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้
อธิบดีกรมอุทยานฯ ระบุว่า หลังเกิดเหตุ ทางกรมฯ จะต้องเข้มงวดมาตรการความปลอดภัยมากขึ้น โดยในเบื้องต้นสั่งปิดพื้นที่โซนสัตว์ดุร้ายทันที เพื่อตรวจสอบทุกด้าน ทั้งความแข็งแรงของกรงและพื้นที่ป้องกันไม่ให้สัตว์หลุดออกมา รวมถึงมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ว่าจะมีความพร้อมเพียงพอหรือไม่ เช่น การจัดหาอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉิน การมีชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว รวมถึงการเตรียมอุปกรณ์หยุดยั้งสัตว์ เช่น กระบองไฟฟ้า ปืนยิงยาสลบ หรืออุปกรณ์ควบคุมอื่น ๆ
ซึ่งกรมอุทยานระบุว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ใช้เวลานานกว่าจะเข้าช่วยเหลือผู้เสียชีวิตได้ ถือเป็นบทเรียนที่ต้องปรับปรุง ต้องมีการกำหนดบัดดี้และอุปกรณ์ความปลอดภัยที่เพียงพอ เพราะหากไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่เป็นนักท่องเที่ยวที่ถูกทำร้าย ผลกระทบจะรุนแรงยิ่งกว่า
พร้อมกันนี้ ยังสั่งการให้ตรวจสอบการครอบครองสัตว์ป่าดุร้ายทั่วประเทศ โดยสัตว์ต้องถูกเลี้ยงในกรงที่ได้มาตรฐาน หากพบเลี้ยงผิดเงื่อนไขหรือไม่ได้แจ้งจดทะเบียน จะต้องดำเนินคดีทั้งทางอาญาและแพ่ง รวมถึงอาจยึดสัตว์ไปดูแลต่อที่กรมอุทยานฯ ซึ่งผู้ครอบครองต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ปัจจุบันมีสัตว์ป่าที่ขึ้นทะเบียนกับกรมอุทยานฯ กว่า 620 ตัว และตั้งแต่ปี 2567 ได้มีคำสั่งห้ามนำเข้าสัตว์ป่าดุร้ายเพิ่มเติม เนื่องจากเพียงพอต่อการเพาะเลี้ยงในประเทศแล้วส่วนกรณีสิงโตที่ก่อเหตุ 5 ตัวนั้น ขณะนี้ถูกกักตัวไว้ก่อน เพื่อปรับพฤติกรรม เนื่องจากหากปล่อยให้เคยชินกับการทำร้ายมนุษย์ จะยิ่งเป็นอันตรายในอนาคต โดยจะต้องประเมินอย่างรอบคอบว่าจะสามารถนำกลับมาแสดงต่อสาธารณะได้หรือไม่
อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้อาจเกิดจากความประมาทของเจ้าหน้าที่เอง ที่ลงจากรถเข้าใกล้สัตว์ แม้จะคุ้นเคยหรือดูแลสัตว์เหล่านี้มานาน แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะสัตว์ป่าย่อมมีสัญชาตญาณนักล่าเสมอ หลังจากนี้จะเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวใกล้ชิดสัตว์ดุร้าย เช่น การถ่ายรูปหรือการให้อาหาร จะต้องกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยที่ชัดเจน หากทำไม่ได้ตามเกณฑ์ก็ต้องยกเลิก
ทั้งนี้ ทางกรมอุทยานยังย้ำว่าทุกสวนสัตว์จำเป็นต้องมีการซ้อมแผนความปลอดภัยตามระเบียบที่กรมอุทยานฯ กำหนด และจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบต่อเนื่อง เพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมลักษณะนี้ไม่ให้เกิดซ้ำอีก