แม่ทัพภาคที่ 2 เสียงสั่นพูดถึงทหารด่านหน้า เผยเจ็บ 166 นาย เสียชีวิตอีก 18 นาย ลั่นอยากได้แผ่นดินคืน ยันเสียงหนักไม่เล่นการเมือง แน่นอน เชื่อสัจจะลูกผู้ชายได้เลย
วันนี้ 2 ก.ย. 68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เพื่อร่วมเสวนา หัวข้อ “วิสัยทัศน์หลักธรรมะและการวางยุทธศาสตร์ป้องกันชายแดน” โดยมีนักศึกษาและคณาจารย์มากกว่า 200 คนเข้าร่วมรับฟัง
โดยเมื่อเวลา 09.45 น. แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาถึงยังหน้าคณะศิลปศาสตร์ พบประชาชนสวมเสื้อสีเหลืองและสีขาว เข้ามาต้อนรับ พร้อมมอบดอกกุหลาบและข้าวของให้แก่ทหารด่านหน้าผ่านท่านแม่ทัพ นอกจากนี้ยังมีประชาชนมาขอถ่ายรูปและมอบของให้จำนวนมาก บางคนก็ขอลายเซ็นเป็นที่ระลึกตลอดการเดินทางเข้าอาคารเพื่อไปบรรยาย นอกจากนี้ยังมีคุณตาท่านหนึ่งเดินทางมาจังหวัดหนองคาย โดยเธอเล่าว่าวันนี้ตั้งใจขึ้นรถรถไฟมาเพื่อพบแม่ทัพภาค 2 เพราะตอนนั้นอยากเป็นกำลังใจให้กับแม่ทัพ และขอให้ท่านทำหน้าที่ต่อไปเพื่อประเทศชาติและอธิปไตยของคนไทย
โดยขณะเข้าบรรยายนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ไล่เล่าถึงภูมิหลังกว่าจะเดินหน้ามาสู่การเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องผ่านชีวิตที่แสนทรหด ผ่านความจน ที่เป็นแรงฮึดทำให้อดทนอดกลั้นและมีภูมิคุ้มกันมาจวบจนถึงวันนี้ //นอกจากนี้ยังมีบางช่วงของการบรรยาย แม่ทัพภาคที่ 2 เสียงสั่นเครือ เมื่อพูดถึงทหารแนวหน้า ผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “ที่ตนชอบใส่ชุดทหาร เพราะชุดนี้น้องๆ ทหารที่รบเสียชีวิต บางคนสูญเสียขา แขน หรือดวงตา 2 ข้าง (เสียงสั่นเครือ) รู้หรือไม่ว่ามีทหาร 166 นายได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต 18 นาย ตนไม่เคยเหนื่อยเลยที่ไปเยี่ยมพวกเขา เพราะที่เขาทำมันเหนื่อยกว่าเราอีก”
โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ยังได้ตอบคำถามนักศึกษา ที่เตรียมมาอีกหลายข้อ อย่างเช่นตัวแทนนักศึกษาได้ถามคำถามถึงวันที่ต้องตัดสินใจสั่งการในวันปะทะกันที่ชายแดน เนื่องจากตัวนักศึกษาเป็นประชาชนที่รับรู้ข่าวสารเป็นรายชั่วโมงเท่านั้นแต่แม่ทัพต้องมีการคุมสั่งการถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งท่านแม่ทัพเผยว่า วันนั้นเป็นการตัดสินใจที่ทรมานใจมากที่สุด และเป็นวันที่ปิดปราสาทตาเมือนธม เพราะว่าการปิดปราสาทนั้นทางกัมพูชาก็มองว่าทหารไทยปิดประเทศเขา แต่สาเหตุที่แท้จริงนั้นเพราะไม่อยากให้ประชาชนทั้งสองประเทศยกพวกตีกัน ทั้งทีมเสื้อดำ(ไทย)และทีมทรงผมหล่อ(เขมร) ซึ่งฝ่ายกัมพูชายืนยันว่าไม่ให้ปิด ถ้าปิดจะให้ไทยปิดฝ่ายเดียว จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณตีสองได้มีการเตรียมพร้อมทุกอย่างและคาดว่าจะเกิดการปะทะกันอย่างแน่นอน และตนได้มีคำสั่งให้ปิด ซึ่งขณะนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาก็ถามย้ำหลายครั้งว่าจะปิดจริงหรือไม่เมื่อปิดได้ไม่นานตอนเช้ามาก็เริ่มปะทะกัน ซึ่งตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร แต่คิดว่าต้องเอาแผ่นดินคืนด้วยเลือดเนื้อและชีวิต
ต่อมายังมีนักศึกษาได้ถามถึงเรื่องประเด็นทางการเมืองเนื่องจากบอกแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าไม่ยุ่งการเมือง ซึ่งอยากจะถามว่าการที่ทหารมายุ่งการเมืองนั้น รู้สึกอย่างไรบ้าง แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบว่าคำถามนี้ตอบได้ ต้องบอกว่าทหารยุคใหม่ไม่ต้องใช้วาทศิลป์อะไรมาก เอาสั้นๆ ห้วนๆ ตอบได้คำถามนี้
ทหารไม่ยุ่งการเมือง มันจะเท่ สง่างามมาก มันจะเป็นหลักเป็นแก่นให้กับแผ่นดินนี้ คุณจะว่าอย่างไรก็เรื่องของคุณ การเมือง สภาผู้แทนราษฎร รัฐสภาคุณก็ว่ากันไป แต่อย่าเอาอำนาจที่มันผิดๆ มาสั่งทหาร เพราะทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติตามรัฐธรรมนูญ และปฏิบัติตามคำสั่งที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น เราถูกสั่งสอนมาแบบนี้ //และทหารที่คุณแต่งเครื่องแบบในหน้าที่อยู่ คุณต้องไม่ยุ่งการเมือง ถ้าไปยุ่งเมื่อไหร่การเมืองนั้นก็จะได้คนไปปกครองเพิ่มขึ้นอีก แล้วประชาชนอีกขั้วหนึ่งล่ะ เขาจะพึ่งใคร คำพูดนี้จะต้องอยู่ในปากคนที่อยู่ในตำแหน่งทหารทุกคน
นอกจากนี้ พล.ท.บุญสิน ยังบอกต่อว่า ตนรู้จักนักการเมืองเกือบทั้งสภา รู้จักเกือบหมดทุกคน รวมถึงรู้จักท่านนายกฯ ด้วย เราให้เกียรติท่านในการทำงาน แต่สิ่งที่ท่านทำหรือปฏิบัติต่อประเทศชาติ ท่านก็ต้องชี้แจงเองเราต้องเป็นหลัก ไม่ใช่เอนเป็นหลักปักขี้เลน ถึงมีคำแรกที่พูดว่า ‘ไม่ยุ่งการเมืองไง’ ยืนยันและคำนี้มันก็มัดคอมาจนถึงทุกวันนี้ ถามว่ามีพรรคการเมืองมาติดต่อไหม มีอยู่แล้ว 5-6 พรรค แต่พอแล้วชีวิตนี้ คือกลับมาหา ธรรมะอีกแล้วสุดท้ายคนเราอายุไม่เกิน 100 ปี ตอนนี้ก็ 60 ขวบแล้ว จะเอาอะไรนักหนาชีวิต เราเอาศักดิ์ศรีเราไม่ได้กว่าเหรอ เห็นคนมีเงินไหม มีเงินเยอะแต่สุดท้ายมีคนเผาศพไม่กี่คน เอาวงศ์ตระกูลเราไม่ดีกว่าเหรอ เราทำตัวอย่างให้ประเทศชาติ พี่ๆ น้องๆ เราได้เห็น ไม่ดีกว่าเหรอ
พล.ท.บุญสินกล่าวต่อว่า ถ้าอยากเล่นการเมือง คุณก็บอกไปเลยตั้งแต่แรก แต่ถ้าทหารเกษียณก็คือประชาชนคนหนึ่งที่เล่นการเมืองได้ แต่เราเลือกที่จะไม่ยุ่ง เพราะคนไทยหลายล้านคนมองมา //ตนจะเป็นอย่างนี้ตลอด เกษียณจากแม่ทัพ แต่ไม่เกษียณจากสายเลือดคนไทย ยังอยู่ช่วยเหลือในงานที่ช่วยประเทศชาติได้
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่า “พี่ไม่เล่นการเมืองแน่นอน!! สัจจะลูกผู้ชาย บำนาญมีเท่านี้ ฟันมีไม่ครบ 32 ซี่ กินไม่เกิน 300 บาท หาที่ปฏิบัติธรรมรอแล้ว”