คปท.-ศปปส. บุกประณามหน้าสถานทูตกัมพูชา ปมทหารไทยโดนทุ่นระเบิดขาขาด มองเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา "พิชิต" ลั่น ทหารไทยขาขาด ก็เหมือนตัดความสัมพันธ์ 2 ประเทศ จี้รัฐบาลควรลุกขึ้นประท้วงทางการกัมพูชา นำเรื่องร้องนานาชาติ

วันนี้ (20 ก.ค. 68) เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.), กองทัพธรรม, ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และประชาชน ได้เดินทางมาบริเวณหน้าสถานทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำราชอาณาจักรไทย เพื่อชุมนุมแสดงพลังหน้าสถานทูตกัมพูชา จากกรณีทหารไทยออกลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกตไปยังเนิน 481 ชายแดนไทย-กัมพูชา บาดเจ็บ 3 นาย โดย 1 ใน 3 เหยียบกับระเบิดส่งผลให้ขาขาด

นอกจากนี้เวลา 09.00 น. ทางตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 (บก.น.4) และ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล รวม 100 นาย ได้นำกำลังมาดูแลความเรียบร้อยบริเวณด้านหน้ารวมถึงมีการนำแผงเหล็กมาตั้งไว้ เพื่อดูแลความเรียบร้อย

จากนั้นทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยเดินทางมาเรื่อยๆ พบว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์มีการถือธงชาติไทยโบกไปมา และป้ายระบุข้อความต่างๆ เช่น “กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา” “แผ่นดินไทยต้องเป็นของคนไทย” นอกจากนี้ยังมีการร้องเพลงเพื่อเป็นการปลุกใจ และแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หลังจากนั้นกลุ่มแกนนำได้นำรถขยายเสียงมาหน้าบริเวณสถานทูตกัมพูชา และเริ่มการปราศรัยในเวลาต่อมา

ต่อมานายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้เดินทางมาถึงหน้าสถานทูตกัมพูชาพร้อมเปิดเผยว่า วันนี้ที่เดินมาสถานทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำราชอาณาจักรไทย เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ พร้อมสื่อสาร และประณามรัฐบาลกัมพูชา รวมถึงทหารของประเทศกัมพูชา จากกรณีที่ทหารของประเทศกัมพูชา รุกล้ำอธิปไตยของไทยมาวางทุ่นระเบิดเบิดหลาย 100 ลูก รวมถึงเข้ามายั่วยุทหารของประเทศไทยในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ชี้ให้เห็นว่าประเทศกัมพูชาได้กระทำการที่ดูหมิ่นประเทศไทยเป็นอย่างมาก

ทำให้ตอนนี้ประเทศกัมพูชา มองประเทศไทยเป็นศัตรูทางความมั่นคง ดังนั้นในฐานะประชาชนคนไทย ขอประณามทหาร และรัฐบาลของประเทศกัมพูชาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทย เพราะการวางทุ่นระเบิด นอกจากจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของไทยแล้วยังละเมิดอนุสัญญาออตตาวาที่ไทยและกัมพูชาได้ลงสัตยาบันด้วยกันทำให้ตอนนี้เห็นว่าประเทศไทยมีข้ออ้าง และข้อมูลที่จะนำไปอธิบายกับนานาชาติว่าประเทศกัมพูชาทำผิดกติการะหว่างประเทศ

แต่ในวันนี้การกระทำของทหารกัมพูชา เป็นการตัดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างชัดเจน จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลไทยประท้วงทางการกัมพูชาอย่างเป็นทางการ และกล่าวหาว่า กัมพูชาทำลายความสัมพันธ์ และทำลายประเทศไทย นายพิชิต ยังกล่าวว่า หากทหารของประเทศกัมพูชาไม่ได้คำสั่งจาก “ฮุน เซน” อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา และ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา ก็คงไม่กล้าที่จะเข้ามาวางระเบิดในพื้นที่เกิดเหตุดังกล่าว

นอกจากนี้ นายพิชิต กล่าว “หากรัฐบาลยังนิ่งเฉย ประชาชนจะลุกขึ้นมาปกป้องอธิปไตย ถ้าประเทศกัมพูชาขนคนได้ ประเทศไทยก็ขนคนได้” พร้อมนัดชุมนุมครั้งใหญ่ทุกภูมิภาค โดยกรุงเทพมหานครจะจัดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเช่นเดิม พร้อมทั้งที่ภาคอีสาน 2 ที่ คือ จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสุรินทร์ และภาคตะวันออกจะจัดที่จังหวัดระยอง ในวันที่ 16 ส.ค. 68 ส่วนภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันตก รอประกาศวันที่ชัดเจนอีกครั้ง

นายพิชิต กล่าวว่า “เรื่องนี้กัมพูชาต้องให้ตรองให้ดี ความสัมพันธ์ที่ประเทศไทยได้ช่วยเหลือประเทศกัมพูชามาตลอด 75 ปี ล้วนเป็นความสัมพันธ์ทางมิตรภาพทั้งนั้น แต่ระเบิดลูกนั้นได้ทำร้ายขาของทหารไทย มันตัดความสัมพันธ์เหมือนตัดขาทหารไทยไปในตัว ขาของพลทหารขาดไป ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ก็ต้องขาดไปด้วยเช่นกัน“

เมื่อถามว่ามีแนวทางที่จะนัดชุมนุมอย่างไรนี้ นายพิชิต ระบุว่าหลังจากมีการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก็เตรียมจะไปมอบอุปกรณ์ให้กับกองทัพภาคที่2 ที่จังหวัดโคราช และจะตั้งเวทีใหญ่ที่โคราช รวมถึงจะไปตั้งเวทีใหญ่ที่ จังหวัดสุรินทร์ ส่วนวันเวลาจะมีการนัดหมายอีกครั้ง และคณะรวมพลังแผ่นดินฯ เตรียมการเรื่องของการเปิดเวทีเพื่อให้ประชาชนได้แสดงพลังปกป้องอธิปไตยกันทั้งประเทศ และจะเปิดเวทีกัน 4 ภาค ที่อีสาน คือ โคราช และสุรินทร์ ส่วนที่ภาคตะวันออกจะมีขึ้นในวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งตัวแทนคณะผู้ปราศรัยก็จะเดินทางไปร่วมปราศรัย และจะมีทั้งภาคเหนือ และภาคใต้ด้วย

ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการวางระเบิดนั้น นายพิชิต ระบุว่า สิ่งที่ทางกลุ่มฯได้เรียกร้องกับรัฐบาลมาตลอด คือการให้เรียกทูตกัมพูชามาประท้วงอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการบันทึกไว้ว่าการกระทำของกัมพูชาเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของประเทศไทย และต้องชี้แจงเรื่องนี้โดยเร่งด่วนไปยังสหประชาชาติ ซึ่งรัฐบาลควรมีท่าทีที่ชัดเจนไปยังประเทศกัมพูชา และมีท่าทีเชิงรุก เพราะที่ผ่านมากัมพูชารุกล้ำอธิปไตยกว่า 700 ครั้ง รัฐบาลไทยก็เอาแต่ประชุมอย่างเดียว

นายพิชิต ยังกล่าวว่าตนเองเห็นด้วยกับข้อเสนอการสร้างกำแพงที่ชายแดนเพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และเชื่อว่าเสาต้นแรกที่ไปปักทหารกัมพูชาคงไม่กล้ายิง แต่เป็นการแสดงสัญลักษณ์ในการเอาจริงเอาจังในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ