รองเจ้าอาวาสวัดดัง จ.ขอนแก่นยันไม่มีความสัมพันธ์ "สีกากอล์ฟ" โอนเงินไปเพราะพระเพื่อนที่มรณภาพแล้วฝากเงินสดให้โอน
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีมีข้อมูลพบพระสงฆ์ในจังหวัดขอนแก่น โอนเงินให้สีกากอล์ฟ จำนวน 48000 บาท เจ้าตัวยืนยันไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีกากอล์ฟ ส่วนเงินที่โอนไปเนื่องจากพระสหายฝากเงินสดให้โอนเงินให้
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ “เจ๊ม้อย v+” โพสต์ข้อความและภาพ ระบุว่า “- มีรายงานด่วนจาก " ขอนแก่น " พระอ้างว่า เป็นเงินของพระเพื่อนที่ฝากให้โอนให้ แต่ตอนนี้พระเพื่อนก็มรณาไปแล้ว #นารีขี่หลังพระ
- ส่วนเงินที่สีกากอล์ฟโอนมาให้ใช้ส่วนตัวนั้นเป็นการโอนตามปกติตามประสาคนรวยอยากให้พระ
- แต่วันนี้พระไม่ลงมาบิณฑบาต อ้างว่าท้องเสีย และปวดท้องค่ะ หายไวไวนะคะพระ”
ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ทำการตรวจสอบกรณีดังกล่าวจนทราบว่า พระสงฆ์รูปดังกล่าวเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ และรองเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งจังหวัดขอนแก่น โดยในช่วงที่ผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงวัดดังกล่าว พบว่าพระสงฆ์และประชาชนในพื้นที่กำลังร่วมกิจกรรมเวียนเทียนรอบอุโบสถเนื่องในวันอาสาฬหบูชา ซึ่งท่านได้ร่วมกิจกรรมกับประชาชนด้วย
ภายหลังจากกิจกรรมเวียนเทียนเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวได้ขอสัมภาษณ์รองเจ้าอาวาสถึงข้อเท็จจริงที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย แต่ท่านระบุว่าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ แต่จากการสอบถามบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องเงินที่มีการโอนให้กับสีกากอล์ฟน้้น จำนวน 48000 บาท โอนไปให้สองครั้ง และไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างอาตมากับสีกากอล์ฟ แต่พระสหายที่รู้จักกันเป็นเพื่อนกับอาตมา มีวัดอยู่ในจังหวัดขอนแก่นปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว ฝากโอนเงินให้กับสีกากอล์ฟ เนื่องจากอาตมามีแอปฯโทรศัพท์ที่สามารถโอนเงินได้ พระสหายจึงนำเงินสดมาฝากให้อาตมาโอนไปให้สีกากอล์ฟ ส่วนตัวอาตมากับสีกากอล์ฟรู้จักกันปกติทั่วไป เคยเห็นกันบ้าง แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเหมือนข่าวที่ปรากฏว่าสีกากอล์ฟมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระสงฆ์หลายๆรูป โดยเรื่องนี้อาตมาได้รายงานให้ทางพระผู้ใหญ่และคณะสงฆ์ทราบแล้ว ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางสงฆ์และตามกฎหมาย และขอพูดผ่านสื่อเพียงเท่านี้ตอนนี้เหนื่อยแล้ว
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลที่รองเจ้าอาวาส ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเป็นจริงตามที่ท่านให้ข้อมูลหรือไม่ โดยข้อมูลดังกล่าวนี้ทางรองเจ้าอาวาสก็ได้รายงานไปยังพระผู้ใหญ่ทราบตามข้อมูลนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะต้องรอการตรวจสอบที่ชัดเจนจากพยานหลักฐานที่ปรากฏอีกครั้ง