รู้จัก "เขาอีด่าง" ใน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว (อ.ตาพระยา จ.ปราจีนบุรี เดิม) เคยเป็นที่ตั้งค่ายผู้ลี้ภัย ให้ผู้อพยพชาวกัมพูชาพักพิงกว่า 160,000 คน ช่วงปี พ.ศ. 2522 - 2536

"เขาอีด่าง" ปัจจุบันตั้งอยู่ใน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เดิมเป็น อ.ตาพระยา จ.ปราจีนบุรี เป็นที่ตั้งของศูนย์พักพิงชั่งคราว หรือค่ายผู้ลี้ภัยสงครามจากกัมพูชา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2522 ซึ่งมีผู้ลี้ภัยเข้ามาอาศัยและรับความช่วยเหลือกว่า 160,000 คน โดยเปิดอยู่เป็นเวลาร่วม 14 ปี จึงนับเป็นสถานที่หนึ่งที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อันน่าจดจำ

โดยเพจเฟซบุ๊ก อ.เก่ง ชาญ สุคนธ์ - Chan Sukhon ได้เรียบเรียงประวัติของค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้ไว้อย่างน่าสนใจ และเข้าใจง่าย ระบุว่า

อดีตเมื่อปีพ.ศ. 2522 ชาวกัมพูชานับแสนคนอพยพหนีภาวะการสู้รบและอดอยากในประเทศมาขอรับความช่วยเหลือที่ชายแดนไทย เพื่อรอรับแจกข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำ และความช่วยเหลือทางการแพทย์ ต่อมาเดือนพฤศจิกายน 2522 รัฐบาลไทยได้อนุมัติให้จัดตั้งศูนย์ที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หลบหนีเข้าเมืองจากกัมพูชาเขาอีด่าง ที่อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว (ในสมัยนั้นเป็น อำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี) เป็นค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชาที่มีผู้อพยพมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา จำนวนกว่า 160,000 คน

โดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees – UNHCR) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ไทย เป็นผู้บริหารศูนย์ฯ ดูแลระบบโลจิสติคส์ โควต้าอาหาร ตลอดจนการส่งกลับหรือเดินทางไปประเทศที่สามของผู้อพยพในเวลาต่อมา มีหน่วยงานอาสาสมัครมากมายมาปฏิบัติงานที่นี่ อาทิ เช่น คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross – ICRC) จัดตั้งโรงพยาบาลศัลยกรรม เพื่อรักษาผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บจากอาวุธสงคราม โดยมีทีมศัลยแพทย์ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาจากสภากาชาดหลายประเทศ

นอกจากนั้น คณะกรรมการฯ ยังจัดการค้นหา-ติดตามเพื่อให้สมาชิกครอบครัวที่พลัดพรากกันในเวลาอพยพสามารถติดต่อสื่อสารหรือรวมญาติกันได้ องค์การ IRC ปInternational Rescue Committee) จัดระบบการสอนพิเศษแก่กลุ่มเด็กพิการ ตาบอด หูหนวก และเป็นใบ้ ฯลฯ

จนกระทั่งได้มีการตกลงสันติภาพ (Paris Peace Agreement) ที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2534 ถือเป็นการสิ้นสุดอย่างเป็นทางการของสงครามระหว่างกัมพูชาและเวียดนาม และนำไปสู่การกำหนดการเลือกตั้งในประเทศกัมพูชาในสองปีถัดมา ศูนย์ฯ เขาอีด่างจึงไม่รับผู้อพยพเพิ่ม

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติทำการส่งกลับผู้อพยพกลุ่มสุดท้ายกลับประเทศกัมพูชา จึงได้ทำการปิด"ศูนย์ฯเขาอีด่าง" ลงในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2536 หน่วยงานอาสาสมัครต่างๆ ก็ปิดสำนักงานลงเช่นกัน

พื้นที่ศูนย์ฯ เขาอีด่างถูกส่งคืนให้รัฐบาลไทย และต่อมาได้อยู่ในความดูแลและบริหารจัดการโดยกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จนถึงปัจจุบัน

43 ปีผ่านไป (2522-2565) สถานที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ยังคงมีนักท่องเที่ยวมากมาย ทั้งชาวกัมพูชาที่เคยอาศัยในศูนย์ฯแห่งนี้นานหลายปี และอดีตเจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่เคยทำงานที่นี่ ยังคงรักและผูกพันกับ "เขาอีด่าง" ได้แวะเวียนกลับมาเยี่ยมเยียนดูสถานที่ที่เคยอยู่อาศัยและทำงาน เป็นแหล่งรวมกระแสธารน้ำใจเพื่อช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่เพื่อนมนุษย์ชาวกัมพูชาเป็นกว่านานกว่า 14 ปี (2522-2536)

คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ และกรมป่าไม้ จึงตกลงร่วมกันจัดห้องแสดงนิทรรศการภารกิจมนุษยธรรมศูนย์ฯเขาอีด่างขึ้น เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ และ สำนักงานใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หวังให้เป็นที่ศึกษาประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าของชาวจังหวัดสระแก้ว