อดีตพยาบาล วัย 65 ปี ถูกมิจฉาชีพหลอกให้รัก ชวนลงทุนสูญเงินเกือบ 12 ล้าน ขณะที่ทนายรณณรงค์ เตรียมพาผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์วันนี้
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 68 ที่สำนักงานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลเกษียณอายุราชการ ได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นางชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง ที่ปรึกษามูลนิธิฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือ หลังถูกหญิงสาวรายหนึ่งทำทีเข้ามาพูดคุยสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว (Romance Scam) ก่อนหลอกให้รัก ชักชวนร่วมลงทุนในระบบ Crypto สูญเงินไปเกือบ 12 ล้านบาท
น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 67 มีหญิงสาวชื่อ น.ส.ดา อายุ 40 ปี ทักข้อความผ่าน Tiktok มาพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว บอกว่าเหงา อยากมีเพื่อนคุย โดยไม่เคยพบเจอตัวจริง ผ่านไป 1 สัปดาห์ ก็ชวนลงทุนร่วมกับป้าที่ทำงานในประเทศสิงคโปร์ อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน และถูกต้องตามกฎหมาย ให้มาลงทุนร่วมกัน นําเงินบาทไทยไปซื้อสกุลเงินดิจิทัล USDT ในแพลตฟอร์ม Bitkub ครั้งแรกที่โอนไป เมื่อวันที่ 10 มกราคม 68 จำนวน 5,000 บาท 1 เดือนต่อมาได้กำไรกลับมา 6,000 บาท จากนั้น ตนได้มีการโอนเงินไปอีก 14 ครั้ง ในระยะเวลา 3 เดือน (กุมภาพันธ์-เมษายน) เยอะสุดที่เคยโอนเงิน คือ จำนวน 1.6 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงินเกือบ 12 ล้านบาท
พอถึงช่วงปลายเดือนเมษายน ตนต้องการถอนเงิน แต่น.ส.ดา แจ้งว่าต้องโอนเงินเพิ่ม “ค่าภาษี” อีก 10% ของยอดเงินลงทุน คือจำนวนเงิน 5 ล้านบาท ถึงจะถอนเงินได้ ตนจึงบอกว่าไม่มีเงิน ทำให้น.ส.ดา เงียบหายไป ตนเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกแล้ว ส่วนสาเหตุที่ตนเชื่อใจเพราะเห็นรูปน.ส.ดา ดูมีไลฟ์สไตล์ดี เป็นคนปากหวาน ชอบบอกรัก บอกคิดถึง ตลอดเวลาที่คุยกัน น.ส.ดา ไม่เคยให้นัดเจอหรือแม้แต่กระทั่งวิดีโอคอล ตนพยายามโทรหาก็ไม่เคยรับสาย ทำได้เพียงแชทพูดคุยกันเท่านั้น แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังพูดคุยกันอยู่เพียงแต่น.ส.ดา เริ่มตีตัวออกห่างและพูดคุยน้อยลง หลังจากตนขอถอนเงินและบอกว่าไม่มีเงินลงทุนแล้ว
ซึ่งวันนี้ตนเดินทางมาร้องมูลนิธิฯ เพราะตนไม่มีที่ปรึกษา เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งความเพราะไม่รู้จะไปปรึกษาใคร หากสามารถทำตามกระบวนการตามกฎหมายได้ก็อยากจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า คดีนี้มีมูลค่าความเสียหายมากเกือบ 12 ล้านบาท ซึ่งวันนี้ (16 มิ.ย.68) ตนจะพาผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ เช็กว่าผู้หญิงในภาพมีตัวตนจริงหรือไม่ หากมีตัวตนจริงคงต้องให้ผู้เสียหายพูดคุยกันเอง แต่ตามกฎหมายคงต้องตรวจสอบว่าการลงทุนนี้มีจริงหรือไม่อย่างไร