อาลัย "น้องการ์ตูน" จากไปอย่างสงบ 11 ปีที่ต่อสู้คู่กรณีไม่เคยชดใช้ ไม่เคยขอโทษ

จากกรณี น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม ขับรถกระบะแต่งซิ่ง พุ่งชนร้านสเต็กที่ซอยเอกชัย 119 เขตบางบอน กทม. นายภาณุทัต ศักดิ์สืบพรรณ เจ้าของร้านวิ่งเข้าปกป้องไปกอดด.ญ.ภิญญารัศมี ศักดิ์สืบพรรณ หรือน้องการ์ตูน อายุ 5 ขวบ ลูกสาวที่ยืนอยู่หน้าร้าน พ่อเสียชีวิต น้องการ์ตูนได้รับบาดเจ็บสาหัสสมองเสียหายประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ ตาบอด พูดไม่ได้ และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงทันที เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ก.ย.57 ต่อมา ปี 58 ศาลอาญาธนบุรีพิพากษาจำคุก น.ส.น้ำผึ้งเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน ลดเหลือ 1 ปี ไม่รอลงอาญา ศาลสั่งชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 6.3–6.5 ล้านบาท

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก Mother’s Grill Steak House “ย่างด้วยรัก หมักด้วยใจ” ได้ประกาศแจ้งข่าวเศร้าว่า น้องการ์ตูน หนูน้อยที่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงตั้งแต่ 5 ขวบ เสียชีวิตแล้ว เวลา 18.52 น. เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.68 น.น้องการ์ตูนได้จากพวกเราไปแล้ว หลับให้สบายนะคนเก่ง ขอให้เป็นนางฟ้าบนสวรรค์คอยให้กำลังใจคุณแม่ต่อไป เนื่องจากน้องการ์ตูนป่วยหนัก ครอบครัวเห็นความทุกข์ทรมานไม่ไหวตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจ

 

คืบหน้าล่าสุด เวลา16.30 น. วันที่ 12 มิ.ย.ที่ ศาลา2 วัดราษฎร์บูรณะ ถนนราษฎร์บูรณะ แขวงบางประกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพ นางศรัญญา ชำนิ อายุ 45 ปี หรือคุณแม่น้องการ์ตูน จัดพิธีรดน้ำศพ น.ส. ภิญญานัศมี ศักดิ์สืบพรรณ ปัจจุบันอายุ 16 ปี หรือ น้องการ์ตูน โดยมีญาติและเพื่อนเข้าร่วมพิธี โดย บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความเศร้าโศก  

 

คุณแม่น้องการ์ตูน เปิดเผยว่า ผ่านมาน้องการ์ตูนมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดหลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมาเวลา 22:00 น. ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าอาการน้องไม่ดีชีพจรต่ำลง จึงรีบไปที่โรงพยาบาลและอยู่กับน้องการ์ตูนจนถึงเวลา 02:00 น. จากนั้นก็ยุตติการให้ยา ให้แค่ยานอนหลับ ใส่แค่เครื่องช่วยหายใจ จากนั้นวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทางแพทย์ได้แจ้งว่าอาการแย่ลง ขึ้นอยู่กับคุณแม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จึงตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจออกในเวลา 14:00 น. น้องการ์ตูนก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งตนเองพยายามขับรถไปที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่ทันได้ลาน้องการ์ตูน เมื่อไปถึงก็บอกน้องการ์ตูนว่า “เหนื่อยมามากพอแล้ว หลับให้สบายไม่ต้องทรมานแล้ว ไม่ต้องห่วงแม่ ห่วงยาย ห่วงตา ให้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์กับคุณพ่อ” ซึ่งน้องการ์ตูนเสียชีวิตตาไม่หลับ 

 

ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงทุกวันนี้ หมดเงินในการดูแลรักษาน้องการ์ตูนไปไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดยังค้างค่ารักษาพยาบาลกับทางโรงบาลอยู่กว่า 2 ล้านบาท 

 

ส่วนเรื่องคดีก็ยังคงต่อสู้คดีกับคู่กรณีอยู่ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้เจอคู่กรณีที่ศาล ในรอบ 11 ปี ตั้งแต่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ระหว่างการฟ้องบังคับคดีสืบทรัพย์จากคู่กรณี 

 

ในศาลทนายความของตนเองได้ถามคู่กรณีว่ามีอะไรจะพูดกับคุณแม่น้องการ์ตูนหรือไม่ ตอบสั้น ๆ ว่า “ไม่” ไม่เคยได้ยินคำขอโทษแบบจริงใจ มีครั้งเดียวที่ขอโทษต่อหน้าตำรวจ เพราะถูกบังคับ 

 

ที่ผ่านมาได้เงินช่วยเหลือเยียวยาจากคู่กรณีเพียงแค่ 40,000 บาท เป็นค่าซ่อมแซมร้านที่ได้รับความเสียหายเท่านั้น ซึ่งทนายความตนเองนั้นมีความพยายามอย่างสูงที่จะติดตามสืบว่าคู่กรณีทำมาหากินอะไรอยู่ที่ไหน เพราะที่ผ่านมาคู่กรณีไม่มีทรัพย์สินอะไรเป็นชื่อของตนเองเลย มีการเปลี่ยนชื่อใหม่ และเปิดบัญชีธนาคารอีกหลายบัญชี จนมาสู่การฟ้องร้องเพื่อสืบทรัพย์บังคับคดีให้จ่ายเงินค่าเสียหาย ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือดำเนินการบังคับคดีหรือช่วยเรื่องการสืบทรัพย์ให้เลย มีแค่กระทรวงยุติธรรม ที่ได้แต่รับเรื่องแต่ก็ไม่ดำเนินการให้อย่างจริงจัง 

 

ที่ผ่านมาคู่กรณีไม่ได้มีจิตสำนึกหรือแสดงเจตนารมย์ที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยา แม้กระทั่งครั้งล่าสุดที่เจอกันในศาลก็ยังไม่สำนึกเหมือนเดิม ตนเองหรือตัดสินใจเดินหน้าดับเครื่องชนต่อสู้คดีเพื่อทวงความยุติธรรม ซึ่งการฟ้องสืบทรัพย์หากพบว่าผู้นี้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงในการชดใช้ค่าเสียหาย ก็จะเข้าข่ายความผิดข้อหาโกงเจ้าหนี้ ซึ่งเป็นคดีอาญาขึ้นมาใหม่อีกคดี ตอนนี้ไม่มีน้องการ์ตูนที่ต้องดูแลแล้ว ฉะนั้นไม่มีอะไรจะเสีย จะเดินหน้าทำทุกวิถีทาง สู้ให้ถึงที่สุด จะพยายามปิดช่องโหว่ทางกฎหมายที่คู่กรณีใช้เป็นหนทางในการต่อสู้ เป็นการเริ่มต้นต่อสู้ครั้งใหม่เสมือนเป็นภาค 2 จะทำให้คู่กรณีรู้สึกเหมือนตกนรก เหมือนเช่นครอบครัวตนเองเคยประสบพบเจอมา ให้น้องการ์ตูนอยู่บนสวรรค์ แต่แม่จะขอยืนหยัดต่อสู้อยู่ในนรกเอง จะทำให้เป็นกรณีตัวอย่างเหมือนกับผู้เสียหายรายอื่นที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับตนเอง ซึ่งหวังว่าการต่อสู้ในภาค 2 นี้คงจะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับตนเองบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เรื่องราวแย่ ๆ เพียงอย่างเดียว