"หมอแอร์" ไม่ขอประกันตัว! ให้การภาคเสธ เจ้าตัวยอมรับเรื่องของการสั่งยาแค่บางส่วน จนท.คุมตัวส่งฝากขัง

จากกรณีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นและจับกุม พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือ หมอแอร์ และพวก กรณีสั่งยานอนหลับจำนวนมาก ฐานร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต และสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด

ล่าสุด ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายนิติศักดิ์ มีขวด หรือ ทนายเอี้ยง ทนายความของ หมอแอร์ กล่าวภายหลังเข้าเยี่ยม พ.ต.อ.หญิงอัญชุลี หรือ หมอแอร์ ถึงแนวทางการต่อสู้คดี

นายนิติศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อสักครู่เข้าไปร่วมฟังการสอบสวน หมอแอร์ ให้การหลายส่วน โดยให้การภาคเสธ เจ้าตัวยอมรับเรื่องของการสั่งยาบางส่วน ในส่วนที่ปฏิเสธนั้น ขอไม่ตอบ

จากการตรวจค้นห้องพัก แฟลตตำรวจ หมอแอร์ยอมรับเป็นห้องของตนเอง และยาของกลางที่อยู่ภายในห้อง หมอรู้บางส่วนและไม่รับรู้บางส่วน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด โดยหมอแอร์ประสงค์ไม่ขอยื่นประกันตัว ทั้งในชั้นพนักงานสอบสวนและชั้นศาล วันนี้เจ้าหน้าที่จะนำตัวหมอแอร์ไปฝากขังยังศาลอาญา

เมื่อถามว่าหมอเป็นคนเบิกจ่ายยาจาก อย.จริงหรือไม่ ทนายระบุว่า มีตามข้อเท็จจริง เนื่องจากเขาเป็นหมอมีอำนาจในการสั่งซื้อให้ผู้ป่วยอยู่แล้ว ตำรวจยังต้องสอบสวนอีกหลายปาก เพื่อสรุปสำนวนก่อนพิจารณาสั่งฟ้อง

ส่วนที่มีการพูดถึงรายชื่อคนตายที่ถูกสวมสิทธิ ทนายเอี้ยง กล่าวว่า ตำรวจสอบประเด็นนี้แล้ว ขอให้เป็นการสอบสวนที่มาของรายชื่อ ตนไม่อยากเปิดเผยรายละเอียด รวมถึงยาจะกระจายไปถึงเครือข่ายค้ายาเสพติดหรือไม่ ยอมรับต้องมีการสอบ ซึ่งส่วนไหนที่ไม่เป็นความจริง หมอแอร์ก็ปฏิเสธ ขณะนี้ยังไม่มีการพาดพิงถึงบุคคลอื่น

ทนายเอี้ยง เผยท่าทีหมอแอร์ว่า จากข่าวกระแสที่ออกมารุนแรง เขาหนักใจเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว วันนี้หมอแอร์รับสภาพ แต่พอโดนกระแสโจมตีหนัก หมอก็ตัดสินใจไม่ประสงค์ประกันตัว อยากสงบสติอารมณ์ก่อน และค่อยคิดว่าต่อไปนี้จะเอาอย่างไรกับชีวิต ขณะนี้ยังไม่คุยเรื่องการต่อสู้คดี ให้คุณหมอเข้าไปอยู่ข้างในก่อนแล้วค่อยตัดสินอีกทีว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ

“ระหว่างการสอบปากคำยังไม่พบว่า หมอแอร์ร้องไห้ แต่เรื่องตกใจหรือขวัญเสียเป็นเรื่องปกติ หมอแอร์ไม่ได้ฝากอะไรเป็นพิเศษ มีเพียงเรื่องลูกที่เป็นธรรมดาของผู้หญิงจะต้องจัดการ”

นายนิติศักดิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่แจ้งหมอแอร์ว่าวันนี้จะมีค้นเพิ่มอีก 11 จุด แต่เชื่อว่าตำรวจได้แจ้งแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติจะกังวล เพราะไม่รู้ว่าการตรวจค้นจะเจออะไรบ้าง ตนเป็นทนาย ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง รู้เฉพาะหน้าที่งานที่รับผิดชอบ เราเป็นทนายให้สิทธิ์เต็มที่ ส่วนจะผิดหรือไม่ผิด ไม่สามารถตัดสินได้ ศาลจะเป็นผู้ตัดสิน หากผิดจริงก็ต้องรับกรรมตามข้อกฎหมาย