สนธิ - ปานเทพ นำมวลชน ไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการ 6 ข้อ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศไทย และเรียกร้องให้รัฐบาลทำการยกเลิก MOU 2544 ระหว่างประเทศไทย และกัมพูชา
วันนี้ 10 มิ.ย. 68 นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน และกลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือคปท. นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน พามวลชนจำนวนมาก มาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาล ตรงข้ามกับทำเนียบรัฐบาล เพื่อมาเรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และครม. ทำหน้าที่ปกป้อง และรักษาอธิปไตย และความมั่นคงของชาติ ในความขัดแย้งระหว่างไทย และกัมพูชา โดยทางฝ่ายไทยได้มีการประท้วงด้วยวาจา และทำหนังสือแจ้งเรื่องการละเมิดข้อตกลงและการรุกล้ำของกัมพูชา มากถึง 470 ครั้ง สร้างความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชามาตลอด 25 ปี โดยมองว่าตอนนี้การถอย และขอเจรจาของฝ่ายกัมพูชานั้น เป็นเพียงการถอยทางยุทธวิธี ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ ยังคงเป็นปัญหาภัยคุกคามต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย
จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้นายสนธิ อาจารย์ปานเทพ กลุ่มคปท. และประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน จึงได้เข้ามายื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องให้ถึงนายกรัฐมนตรี และครม. โดยวันนี้มีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรัฐบาลเข้ามารับหนังสือร้องเรียน
โดยมีการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ได้ดําเนินการตามมาตรการ 6 ข้อดังนี้
1. รัฐบาลไทยต้องประกาศย้ำไม่ยอมรับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และไม่ยอมรับการที่กัมพูชาจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไม่ว่ากรณีใดๆ และต้องใช้กลไกของคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย กับกัมพูชา หรือ JBC เท่านั้น
2. รัฐบาลไทยต้องประท้วงอย่างเป็นทางการต่อทั้งกัมพูชาและสากลว่า ทั้งสี่ประสาทและศาลาตรีมุข ที่กัมพูชาได้ยื่นต่อศาลโลก เป็นดินแดนอธิปไตยของไทย และต้องแก้ไขคำพูดของนาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าการรุกล้ำของกัมพูชานั้นไม่ใช่ no man’s land แต่เป็นแผ่นดินของไทยเท่านั้น
3.สั่งการและมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศยกเลิก MOU 2543 เพื่อยกเลิกแผนที่มาตราส่วน 1: 200,000 ที่ทำขึ้นโดยฝรั่งเศส แต่เพียงฝ่ายเดียว เป็นมาตราส่วนที่มีความหยาบ และคลาดเคลื่อนได้ถึง 200 เมตรทำให้เกิดความขัดแย้งมาตลอด 25 ปี และให้ใช้กลไกของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย กับกัมพูชา เพื่อกำหนดจัดทำหลักเขตที่สูญหายและเส้นสันปันน้ำขอบหน้าผาตามธรรมชาติโดยใช้เทคโนโลยีเป็นวิทยาศาสตร์ในการตัดสินที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก
4. สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกMOU2544 เพื่อยกเลิกเส้นไหล่ทวีปที่รุกล้ำอธิปไตยน่านน้ำไทย
5. สั่งการและมีมติเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับไทยก่อนการเจรจาJBC ที่จะมีในวันที่ 14 มิถุนายนนี้และยังคงลดเวลาในการเปิดด่านไทย-กัมพูชาโดยเฉพาะพื้นที่บ่อนคาสิโน ไม่เพียงแค่จะบรรลุเรื่องของการก่ออาชญากรรมเท่านั้นแต่จะต้องปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ การค้าอาวุธสงครามยาเสพติด
รวมถึงหยุดการตัดไม้ทำลายป่า และล่าสัตว์ ในเขตอุทยานแห่งชาติ แต่หากการกดดันและการเจรจาไม่เป็นผลต้องยกระดับในการยกเลิกการส่งออกสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานให้กับกัมพูชาทั้งการตัดไฟตัดสัญญาณมือถืออินเทอร์เน็ตและน้ำมันจนกว่าการเจรจาจะบรรลุ
6. หากสถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชาเลวร้ายลง อันเนื่องมาจากมาตรการที่เพียงพอ หรือการเจรจาไม่ได้ผล ให้กองทัพไทยสามารถประกาศกฎอัยการศึกเพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนที่มาจากความเกี่ยวพันทางเครือญาติที่ใกล้ชิด ของผู้นำทางการเมืองของสองประเทศซึ่งสมยอมผลประโยชน์ส่วนตนซึ่งกันและกันโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติ
หลังจากที่ยื่นหนังสือเสร็จแล้ว นายสนธิ ได้ออกมาปราศรัยต่อมวลชน กล่าวว่า อธิปไตยของชาติ เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็คงต้องแตกหักกัน เชื่อว่าคนไทยทั่วประเทศ จะเข้ามาร่วมกันกับตัวเอง เพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย เพราะตอนนี้ประเทศไทย มีคนไทยใจเขมร ประธานเจบีซีของฝ่ายไทย คืออดีตทูตไทย ประจำกัมพูชา ที่เคยจับกุมนายวีระ นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่จริงใจต่อการเจรจาในครั้งนี้ และกัมพูชาก็ไม่ได้ถอยออกไป ตามที่บอดกับไทย
ส่วน MOU 2543 คือ MOU ที่อัปยศ อัตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ที่ไม่มีใครใช้กัน เพราะมันเป็น MOU ที่ปล่อยให้กัมพูชามาล้ำเขตแดนของไทย และที่ผ่านมากัมพูชาละเมิดชายแดน 470 ครั้ง แล้ว แต่ทางการไทย ยังคงนิ่งเฉย เชื่อว่าคนไทย ไม่กลัวกัมพูชา ทหารไทย ไม่กลัวทหารกัมพูชา วันนี้ทุกคนมาร่วมมือกันปกป้องอธิปไตยของชาติ และไล่สมเด็จฮุน เซน ให้ลงนรกไป
ต่อมานายจตุพร ได้ปราศรัยกับมวลชนว่า กรุงศรีอยุธยา จะไม่แพ้ ถ้าไม่มีคนขายชาติให้กับประเทศพม่า เราเสียดินแดน มากกว่าที่เราเหลืออยู่ เราจะไม่ยินยอมเสียดินแดน แม้แต่ตารางนิ้วเดียว
รัฐบาลภายใต้การนำของแพทองธาร ที่มีเบื้องหลังเป็นนายทักษิณ มองเรื่องชายแดนเป็นเรื่องรอง ไม่ใช่เรื่องแรก ในระหว่างที่มีปัญหาชายแดน คนในรัฐบาลกำลังแย่งตำแหน่งกัน และรัฐบาลพยายามสร้างกาสิโน โดยไม่สนใจความรู้สึกของประชาชน ทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่ประชาชนกังวล
พ่อนายกฯบอกว่าจะเปลี่ยนสนามรบ ให้เป็นสนามตะกร้อ นายจตุพร บอกให้นายทักษิณ ไปเล่นตะกร้อคนเดียวก่อน และ No Man's Land ก็คือชายที่ไม่มีแผ่นดินอยู่
พอนายทักษิณพูดเรื่อง No Man's Land นายภูมิธรรม ก็พูดตามนายกทักษิณอีก พอไปเจรจากัมพูชา เขาปฏิเสธทุกข้อ กัมพูชา ยืนยันไม่เอาเรื่อง 3 ปราสาท และช่องบก ไปคุยในการประชุม JBC ความจริงแล้ว การประชุมต้องยกเลิก และต้องยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 เพราะไม่มีความหมาย
ที่ผ่านมาเราถูกมหาอำนาจ เอาเปรียบมาโดยตลอด แต่วันนี้เราจะยอมถูกเอาเปรียบไม่ได้แล้ว เพราะเราขายหน้ามามากแล้ว เราจะไม่ยอมให้กับคนที่ขายชาติ ถ้ารัฐบาลไม่ทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน เท่ากับไม่ใช่รัฐบาลของเรา เพราะฉะนั้นคุณออกไปซะ
ด้านนายพิชิต แกนนำคปท. กล่าวต่อว่า ตระกูลชินวัตร ทำให้ประชาชนคนไทยรักกันมากกว่าเดิม เพราะตระกูลนี้ ได้ทำลายประเทศในทุกมิติ กระบวนการยุติธรรมถูกทำลายลงไป และให้คนที่ทำลายระบบยุติธรรม มาชี้นำรัฐบาล
ตอนนี้รัฐบาลไทย วิ่งตามกัมพูชามาโดยตลอด เป็นเหมือนเมืองขึ้นของกัมพูชา เรื่องนี้เป็นอธิปไตยของประเทศ ถ้ารัฐบาลไม่สามารถรักษาอธิปไตยของประเทศได้ ก็จงออกไปจากประเทศได้แล้ว คนไทยทั้งประเทศจะไม่มีทางยอมในเรื่องนี้ และจะไม่ยอมเสียแผ่นดิน แม้แต่ตารางนิ้วเดียว
ส่วนการรักษาความปลอดภัย เป็นไปอย่างเข้มข้น ขณะที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล มีตำรวจ และรถตำรวจจอดเป็นแนวอยู่บริเวณ ถนนพิษณุโลก
เพื่อคุมเข้มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มารวมตัวกันในวันนี้รุกล้ำเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากวันนี้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี
ขณะที่ด้านในทำเนียบรัฐบาลวันนี้เป็นที่สังเกตว่ามีรถตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือมาจอดที่ด้านข้างตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นตึกที่ใช้ในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้