คปท. ยื่นหนังสือ จี้ รมว.กห. ประกาศเขตพื้นที่ไทยให้ชัด ก่อนการเจรจา เพื่อให้สันติและยั่งยืน - เรียกร้องสภากลาโหมมีบทบาทให้มากขึ้น พร้อมให้กำลังใจทหารไทย ในฐานะผู้ปฏิบัติ วอน ไม่ถอนกำลัง200เมตรจากเขตแดนไทย มอง กัมพูชาปฏิเสธการเจรจาอาจนำไปสู่การใช้กำลังทางทหาร
ช่วงเช้าวันนี้ 5 มิ.ย. 2568 กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ ได้นำมวลชน เคลื่อนขบวนมาที่กระทรวงกลาโหม เพื่อยื่นข้อเรียกร้องของกลุ่ม 3 ข้อ ต่อกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะมองว่า ความขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูชาที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน รัฐบาลไทย โดยเฉพาะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่เคยออกมาแสดงจุดยืน ให้ประชาชนได้มั่นใจว่าพื้นที่ข้อพิพาทเป็นพื้นที่ของไทย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้ต้องเดินทางมายื่นหนังสือ ถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเรียกร้องใน 3 ประเด็น คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องทำหนังสือประท้วงไปยังฝ่ายทหารกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เพราะมองว่าที่ผ่านมา มีเพียงแค่ฝ่ายปฏิบัติที่ ในพื้นที่ทัพภาค2ที่แสดงท่าทีไปยังกัมพูชา ในพื้นที่ปราสาทตราเมืองทม และบริเวณช่องบก แต่เป็นการแสดงท่าทีของฝ่ายปฏิบัติ แต่ในเชิงฝ่ายนโยบายยังไม่มีการทำหนังสือประท้วงไปอย่างเป็นทางการ เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานและมองว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องกล้าที่จะประกาศว่า พื้นที่ไหนเป็นพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อนำไปสู่การเจรจาคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC อย่างเป็นระบบในวันที่ 14 มิ.ย. เพื่อให้การเจรจาจะเกิดขึ้นได้อย่างสันติและยั่งยืน และเพื่อให้ฝ่ายปฏิบัติโดยเฉพาะทหารในพื้นที่ มีทิศทางการปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่ให้ทหารกัมพูชามาอ้างสิทธิเป็นพื้นที่ทับซ้อนแล้วเข้ามาปฏิบัติการทางทหารอยู่ฝ่ายเดียว จากนั้นก็จะต้องนำไปเจรจากับกัมพูชาเพื่อ ให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของไทย
รวมถึงมองว่า บทบาทของรัฐบาล โดยฝ่ายการเมืองมีบทบาทน้อยและไม่ได้สร้างความมั่นใจให้คนไทย ดังนั้นจึงเรียกร้องไปยังสภากลาโหม ควรจะเข้ามามีบทบาทเรื่องความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาให้มากกว่านี้ โดยมาร่วมการกำหนดทิศทางพื้นที่ชายแดนไทย กัมพูชา เพราะเชื่อว่า ยุทธวิธีทางทหารและแนวปฏิบัติ มีการปฏิบัติจากเบาไปหาหนักอยู่แล้วอย่างการปิดด่าน ก็เชื่อว่าถ้ามีความจำเป็นต้องปิดด่าน ก็สามารถทำแบบไม่ต้องปิด24ชม.ได้ เพื่อเป็นการกดดันให้กัมพูชาต้องเกรงใจโดยการยื่นหนังสือครั้งนี้ มีรองหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม เป็นตัวแทนมารับหนังสือ
ทั้งนี้ นายพิชิต ยังมองด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องปฏิวัติตามที่หลายฝ่ายกังวล เพราะยุทธวิธีทางการทหารยังมีขั้นตอน จากเบาไปหาหนัก เพียงแค่ให้สภากลาโหมเข้ามามีบทบาทมากขึ้นและยืนยันย้ำว่า ทางกลุ่ม เห็นด้วยกับแนวทางการเจรจาทางการทูตแบบสันติวิธี แต่ไทยก็ต้องกล้าแสดงจุดยืนประกาศเขตแดนไทยให้ชัดเจนด้วย ทั้งนี้หากข้อเรียกร้องยังไม่มีความคืบหน้า วันอังคาร ที่ 10 มิ.ย.จะไป ทวงถามคำตอบที่ทำเนียบรัฐบาล
ส่วนกรณีที่ล่าสุด รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ถึงประเด็นพื้นที่ 4 แห่งกัมพูชา ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาเมือนโต๊ด-ปราสาทตาควาย-สามเหลี่ยมมรกต โดยขอใช้ช่องทางทางกฎหมายระหว่างประเทศโดยการยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) แทนการเจรจาทวิภาคีกับไทย และจะไม่ร่วมการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.นั้น
นายพิชิต มองด้วยว่า การที่กัมพูชา ปฏิเสธแนวทางการเจรจา หลังจากนี้อาจจะมีความเข้มข้นในทิศทางการทหาร และอาจจะมีการใช้กำลังกันได้ ทำให้วันนี้ ทางกลุ่ม ได้เคลื่อนขบวนต่อมาที่ หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เพื่อร่วมให้กำลังใจทหารในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาเขตแดนอธิปไตยของชาติด้วยพร้อมทั้ง ยืนหนังสือถึง ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อแสดงจุดยืนในการให้กำลังใจว่า ประชาชนพร้อมยืนเคียงข้างทหารและจะไม่ยอมเสียดินแดน
โดยกลุ่ม คปท.เห็นด้ววกับทหารในการปฏิบัติเชิงยุทธวิธีจากเบาไปหาหนัก และยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้ทหารถอนกำลังออกจากแนวเขตดินแดนไทย200เมตร ทั้งนี้ มีพล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เป็นตัวแทนมารับหนังสือ และบอกด้วยว่า กองทัพบก ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดภายใต้กลไกที่มี และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการปกป้องอธิปไตยของไทย
สำหรับกลุ่ม คปท. มีกำหนดจากจะแสดงจุดยืนและแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อกรณีสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา โดนในวันพรุ่งนี้ 6 มิ.ย. จะเดินทางไปยังสถานทูตกัมพูชา เพื่อไปแสดงจุดยืนและประกาศว่าคนไทยจะไม่ยอมเสียดินแดนและในวันที่ 10 มิ.ย. จะเดินทางไปกระทรวงต่างประเทศ เพื่อเรียกร้องให้มีการประท้วงการกระทำของ กัมพูชา อย่างเป็นทางการ