เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เข้าแจ้งความ 5 ข้อหากับเรือขนส่งเมียนมา หลังเกยตื้นในเขตอุทยานฯ ทำปะการังน้ำตื้นเสียหายวงกว้าง
วันที่ 4 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี เรือ MV.AYAR LINN ขนาด 100.05 ตันกรอส มีคนจำนวน 7 คน ทั้งหมดเป็นสัญชาติเมียนมา มีผู้ควบคุมเรือชื่อ Mr. AUNG NGWE SOE อายุ 50 ปี ส่วนเจ้าของเรือชื่อ Mr.Ko Soe Thin B (ภูมิลำเนากรุงย่างกุ้ง) เรือลำดังกล่าวได้แจ้งเข้ามาจอดเพื่อขนส่งสินค้า ประเภทเครื่องอุปโภค บริโภค ณ ท่าเรือโกม๊ก จ.ระนอง ในวันที่ 23 พ.ค. 68 และแจ้งออกเรือในวันที่ 29 พ.ค. 68 อย่างถูกต้อง โดยได้เดินทางไปขนส่งสินค้ายังที่หมายแรกคือเกาะสอง ประเทศเมียนมา จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมืองมะริด
ทว่า ระหว่างออกเรือเดินทางตามเส้นทางเดินเรือ ทางเรือได้ตรวจพบรอยรั่ว บริเวณท้องเรือ ทำให้ผู้ควบคุมเรือต้องนำเรือมุ่งหน้าไปยังที่หมายฝั่งใกล้ที่สุด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อคนประจำเรือ จนเป็นเหตุให้เรือเข้าเกยตื้นบริเวณอ่าว จากทิศเหนือของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะสุรินทร์ อ.คุระบุรี จ.พังงา พร้อมทำความเสียหายให้แก่ปะการังน้ำตื้น
จากการตรวจสอบพบว่า แนวปะการังถูกชนและได้รับความเสียหายเป็นระยะทางประมาณ 75 เมตร ตั้งแต่จุดแรกที่เกิดการชนไปจนถึงจุดที่เรือเกยตื้นสนิท ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดกับปะการังลักษณะก้อนสูงที่ไม่พ้นท้องเรือ โดยเฉพาะบริเวณที่เรือเกยตื้นและทับอยู่บนแนวปะการังในช่วงระยะ 45-75 เมตร ทำให้ปะการังใต้ท้องเรือแตกหักและถูกทับเกือบทั้งหมด คาดการณ์พื้นที่ปะการังที่ได้รับความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 150 ตารางเมตร
สำหรับชนิดปะการังที่ได้รับผลกระทบหลัก ได้แก่ ปะการังสีน้ำเงิน (Heliopora coerulea) เสียหายมากที่สุดประมาณ 80% ของปะการังที่ถูกชน ปะการังเขากวาง (Acropora sp.) เสียหายประมาณ 15% ปะการังโขด (Porites lutea) เสียหายประมาณ 5% นอกจากนี้ยังมี ปะการังสมองร่องสั้น (Platygyra daedalea) แตกหัก 4 โคโลนี, ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora) แตกหัก 3 โคโลนี และปะการังดาวเหลี่ยม (Leptastrea purpurea) แตกหัก 1 โคโลนี
ขณะทาง นายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.คุระบุรี จ.พังงา แก่ คนเรือทั้ง 7 คน ของเรือโดยกล่าวหาว่า
1. ฐาน ยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วย ประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (1) ประกอบมาตรา 41
2. ฐาน เก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ บิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใด อันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (2) ประกอบมาตรา 42
3. ฐาน ล่อ หรือนำสัตว์ออกไป หรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ด้วยประการใดๆ ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (3) ประกอบมาตรา 43
4. ฐาน บุคคลซึ่งเข้าไปในสุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของหน้างานเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 20 ประกอบมาตรา 47
5. ผู้ใดกระทำการหรืองดเว้นกระทำการไม่ว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยมิชอบด้วย กฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือ สวนรุกชชาติ ผู้นั้นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายสูญหายหรือเสียหายไปนั้น ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 90
ด้าน นายสุรศักดิ์ แจ้งจุล ผอ.เจ้าท่าภูมิภาคสาขาพังงา กล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าท่าพังงา ได้ออกประกาศห้ามใช้เรือ และเร่งให้เจ้าของเรือกู้ซากเรือภายใน 30 วัน พร้อมทำบันทึกไว้ที่ สภ.คุระบุรี หากมีน้ำมันรั่วไหลออกจากเรือลำดังกล่าว พร้อมที่จะแจ้งข้อกล่าวหาทันที