รมว.ต่างประเทศ ทำหนังสือประท้วงกัมพูชา ย้ำไทยปฏิบัติตามหลักสากล ดันประชุม JBC หาทางออกปัญหาชายแดน ชี้เป็นสิทธิกัมพูชาที่จะฟ้องศาลโลก

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี OECD ในระดับรัฐมนตรี พร้อมเปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ตนและกระทรวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง และได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเรียกประชุมกรมกองที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาท่าทีในเรื่องนี้

โดยตนมอบนโยบายว่าเราจะต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่เรามีทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญที่สุด คือเราต้องเจรจาและหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติ ไม่นำไปสู่การขยายตัวของความขัดแย้ง เนื่องจากประเทศไทยและประเทศกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาอย่างยาวนาน จึงต้องหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ไม่ใช้กำลัง

นอกจากนี้ ตนได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศไปคุยกับกรมกองที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านกฎหมาย และภาพถ่ายต่างๆ เพื่อเตรียมท่าทีสำหรับการเจรจาโดยเร็วในกรอบของ JBC ซึ่งมีความสำคัญ เพราะเราสามารถเจรจาหาทางออกได้ และเป็นกลไกสำคัญที่เรามีอยู่กับกัมพูชา ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี

ชมคลิป : "มาริษ" ย้ำ กต. ทำหนังสือประท้วงกัมพูชา ยันเหตุกระทบกระทั่งไทยยึดหลักสากล

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ผลักดันกับทางกัมพูชา ที่จะขอให้มีการจัดการประชุม JBC โดยเร็วที่สุด ขณะนี้กัมพูชาจะต้องเป็นเจ้าภาพการประชุม แต่ตนยืนยันไปว่าถ้ากัมพูชายังไม่มีความพร้อม ประเทศไทยพร้อมจัด เนื่องจากเราเห็นความสำคัญของกลไกนี้ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาใน 2 ด้าน คือ 1.การลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้น และ 2.การมานั่งพูดคุยว่าเราจะกำหนดหรือหาทางแก้ไขเส้นเขตแดนระหว่างประเทศได้อย่างไร

ในเรื่องการกระทบกระทั่งที่เกิดขึ้น เรามีหนังสือประท้วงกับฝ่ายกัมพูชาไปแล้วด้วยเช่นกันว่าการกระทำของเรานั้นเป็นไปตามหลักสากล และเราต้องการที่จะยืนยันสิทธิของเราในเรื่องอำนาจอธิปไตยและบูรภาพแห่งดินแดน ยืนยันว่าเราดำเนินการด้วยความเหมาะสม เป็นไปตามกลไกของกฎหมายระหว่างประเทศ และการปฏิบัติอย่างสากลทุกประการ

ทั้งนี้ หลังจากเสร็จภารกิจที่ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 5 มิ.ย. ตอนกลับถึงประเทศไทย ตนจะเรียกผู้บริหารทั้งหมด ประชุมกำหนดท่าทีของเราให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ขอย้ำว่าตนประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา และเรียกประชุมทางออนไลน์กับกระทรวงการต่างประเทศเป็นระยะๆ เมื่อมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง

ส่วนกรณีที่ผู้นำกัมพูชาขอให้สภาลงมติให้ส่งศาลโลกวินิจฉัยข้อพิพาทดินแดน กังวลว่าจะกระทบกับ JBC หรือไม่ นายมาริษ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งก็เป็นสิทธิที่ประเทศกัมพูชาจะดำเนินการ และเป็นสิทธิของประเทศไทยที่เราจะตัดสินใจอย่างไร เพราะประเทศไทยก็มีท่าทีชัดเจน

ซึ่งตนได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ มองภาพรวมชัดเจนและกำหนดท่าที เพื่อวางนโยบายยุทธศาสตร์ที่เราจะไปเจรจากับประเทศกัมพูชา ขณะเดียวกันก็กำหนดมาตรฐานของเราว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งในกรอบของทวิภาคีความสัมพันธ์ระหว่างกัน รวมทั้งใช้กลไกที่มีอยู่ระหว่างประเทศด้วย