ไม่ต้องใจร้อน! ปานเทพ ขอรอดูคำพิพากษาฉบับเต็มคดีแตงโม ตกเรือวันพรุ่งนี้ เผย "ดีเอสไอ" รู้ข้อมูลแน่น ฝั่งปชช.ย้ำเดินหน้าคดีต่อแน่ รอพิสูจน์ข้อสงสัยแสงเงาคลิปแตงโมร้องเพลงครั้งสุดท้าย ที่มีเสียงชายปริศนา

วันนี้ (22 พฤษภาคม 2568) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์ ก่อนถึงวันที่ศาลจะมีคำพิพากษาในคดีที่ "แตงโม นิดา" ดาราสาวตกเรือว่า เราได้มีการยื่นคำร้อง กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ สืบเนื่องมาจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ถูกตำรวจ 21 นายฟ้องร้อง ในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งศาลยกคำร้องโดยให้ เหตุผลว่านายอัจฉริยะวิพากษ์วิจารณ์ โดยสุจริตและเป็นธรรม และยังมีเนื้อความข้างในที่ว่า ส่วนหนึ่งในการยกฟ้องเพราะการสืบสวนสอบสวนมีพิรุธ และมีเงื่อนงำ ซึ่งเป็นสองคำสำคัญ โดยในรายละเอียดมีการกล่าวถึงหมอนิติเวชว่า แผลที่เกิดขึ้นไม่น่าเกิดจากใบพัดเรือ เนื่องจากเกิดเกิดขึ้นจากภายใน จึงมีพิรุธ โดยระบุว่าลักษณะของการตก หรือการพบศพเป็นลักษณะของการทวนกระแสน้ำ นั่นคือคดีหมิ่นประมาทก็จริง ไม่เกี่ยวข้องกับคดีหลักก็จริง แต่จะคดีนั้นทำให้เราต้องยื่นคำร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อทำการสืบสวนใน ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ เพื่อให้คดีนี้เป็นคดีประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือไม่เป็นลักษณะช่วยเหลือคนบนเรือหรือไม่ ซึ่งเมื่อเรายื่นคำร้องเช่นนี้สิ่งที่เราได้นำเสนอ และให้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษเรื่องของหลักฐานตลอดสามปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลงานของสื่อมวลชนจำนวน โดยตนได้มีการยื่นเอกสารต่างๆ ไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษแต่ปรากฏว่าติดอุปสรรคสำคัญ 2 เรื่อง คือ

1. หลักฐาน สำคัญไม่ว่าจะเป็นภาพต้นฉบับในการถ่ายศพ แตงโม-นิดา ที่อยู่ทางนิติเวช รวมไปถึงผลการสแกนคอมพิวเตอร์ศพของแตงโม ซึ่งเป็นสาระสำคัญของคดีนี้ รวมถึงภาพถ่ายต้นฉบับ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีการอ้างว่าทางตำรวจและหมอนิติเวชได้ส่งหลักฐานต้นฉบับให้อัยการเพื่อส่งสำนวนฟ้อง อ้างว่าไม่มีอยู่กับตัว ซึ่งเป็นข้อกล่าวอ้างที่เป็นจริงหรือไม่ก็ไม่มีใครทราบ แต่การอ้างด้วยเหตุผลนี้ทำให้เราไม่สามารถ เห็นหลักฐานอันสำคัญ ที่เป็นสาระสำคัญแห่งคดีได้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องรอพรุ่งนี้ คือ วันที่ 23 พฤษภาคม

2. ขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐ คือตำรวจไม่ให้ความร่วมมือในการให้การกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ถึงแม้ให้การไป ที่เขาไม่มาก็เป็นพิรุธอยู่แล้ว แต่ยังกลับพบประเด็นเพิ่มเติมด้วยว่า สิ่งที่เรารู้ว่าเขาให้การอย่างไร ไม่ปรากฏออกสื่อ เพราะอยู่ในสำนวน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหมอนิติเวช เจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจไปเกี่ยวข้องกับการละเว้นการปฏิบัติ หรือการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่นั้น คดีจะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อเราเห็นคำพิพากษา ว่าเขาขึ้นให้การอย่างไร และศาลนำคำให้การเหล่านั้นมาเป็นประโยชน์ ในการตัดสินคดีอย่างไร เราถึงจะรู้ว่าเขาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งพรุ่งนี้ไม่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไรท่านก็ตัดสินบนฐานของโจทก์และจำเลยสู้กัน หรือสมยอมกันหรือไม่ส่วนตัวไม่ทราบ แต่รู้แต่ว่านั่นคือคดีแค่ประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเราสงสัยมากกว่านั้น เมื่อสงสัยมากกว่านั้นก็ต้องรอ ผลลัพธ์มีได้สองแบบ คือ 1. ศาลยกฟ้องว่า คนบนเรือที่เหลือไม่มีความผิด 2.คนบนเรือมีความผิด ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลใด มันก็ยังเป็นแค่การประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความ ซึ่งเราก็ต้องย้อนกลับมาดูข้อหานี้ไม่ว่าคนบนเรือจะผิดหรือไม่ผิด การกระทำ ที่ผ่านมามีใครละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งถ้าเรารู้ข้อเท็จจริงนี้ผมเชื่อมั่นว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ จะต้องเร่งรัด การประชุมคดี ส่วนตัวทราบมาว่าหลังคดีจบ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจะมีการประชุมในสัปดาห์ถัดไปทันที

 

 

นักข่าวถามว่าหลังผลคดีจะออกมาทางภาคประชาชนจะเดินหน้าอย่างไรต่อ นายปานเทพระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นกลุ่มองค์กร ภาครัฐที่มีอำนาจ ในการเรียกพยานหลักฐานตามกฎหมาย ไม่ใช่ภาคประชาชน /ส่วนตัวมองว่าสื่อมวลชนทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ตลอดสามปีที่ผ่านมา ซึ่งสื่อมวลชนเป็นกำลังหลักที่ทำให้เรามาถึงวันนี้ได้ และแรงใจของประชาชนในการแสวงหาข้อเท็จจริง เป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่รัฐ ยังคงไม่หยุดในการแสวงหาความจริง ดังนั้นไม่ว่าพรุ่งนี้จะจบอย่างไร ขอให้อย่าตื่นตระหนกเพราะเราไม่ได้สนใจ ประเด็นประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เราสนใจบันไดขั้นแรกว่าการมาถึงข้อหาประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความนั้น เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดย มิชอบหรือไม่ ดังนั้นเราเชื่อว่า หลังจากเราเห็นพยานแล้ว จะต้องใช้เวลาอีกหนึ่งส่วน ไม่ต้องใจร้อน พรุ่งนี้ เราอาจจะได้ยินคำพิพากษา คร่าวๆ แต่จะไม่มีใครในนี้ได้เห็นคำพิพากษาฉบับเต็ม จนกว่าจะมีการคัดคำพิพากษา และหลังจากนั้น อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ในการดูถ้อยคำและรายละเอียด เพราะย้ำว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษครั้งนี้มีเดิมพัน เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก เขาต้องทำด้วยความรัดกุม เอาความเร็วไปเพื่อความสะใจ และการเรียกร้องของประชาชน แล้วไปแพ้เพราะการรวบรวมพยานหลักฐานไม่สมบูรณ์เราไม่เห็นด้วย /ส่วนตัวเห็นด้วย ที่การดำเนินการ เป็นไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รัดกุม รอบคอบ และรวบรวมทุกประเด็น เข้าสู่การพิจารณายกฐานะเพื่อขอมติให้เป็นคดีพิเศษต่อไป

ส่วนประเด็นที่ที่ผ่านมากรมสอบสวนคดีพิเศษดูเงียบแม้จะมีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลนั้นส่วนตัวอาจารย์ปานเทพมองว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ได้มีหน้าที่ในการออกสื่อ ตนมองว่าความลับในสำนวนย่อมเป็นความลับในสำนวน และมองว่า ขณะนี้ชุดพนักงานสอบสวนรู้ข้อมูลเยอะแล้ว แต่ไม่สามารถออกสือได้เนื่องจากอาจจะถูกเบี่ยงเบน พยานและหลักฐาน เมื่อเปิดเผยออกไป ดังนั้นการเป็นความลับในสำนวนถูกต้องแล้ว/เราแค่รอเวลาเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เรารอจะมาประกอบสำนวนใหญ่ ก็คือผลการตรวจรูปภาพในเวลา 21.56 น. รูปกระติก-แตงโม มีการตัดต่อหรือไม่ รวมถึง ภาพใต้สะพานซังฮี้มองด้วยตาเนื้อนับได้ 5 คน ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษไปตรวจสอบแล้วเป็นอย่างไร ถ้าสองภาพนี้พอตรวจสอบแล้วปรากฏว่าแตงโมไม่อยู่บนเรือ สิ่งที่อ้างว่าแตงโมตกเรือในเวลา 22.34 น. แม้กระทั่งไปใช้ในสำนวน จะถูกต้องหรือไม่ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากได้รับข้อเท็จจริงทั้งหมด

และก่อนที่คำพิพากษาคดีแตงโมนิดาตกเรือจะออกมาในวันพรุ่งนี้นายปานเทพทิ้งท้ายขอบคุณประชาชน ส่วนตัวมองว่าสัญญาณในคดีของแตงโมนิดาแสดงให้เห็นว่า ความยุติธรรมเป็นหัวใจของการดำรงอยู่ได้ในสังคม ถ้าสื่อมวลชนต่อสู้มาตลอดสามปีด้วยความเพียรและความอุตสาหะ ในการสืบค้นข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และประชาชนไม่เคยทิ้ง ส่วนเราไม่เคยเงียบรอความรัดกุมและรอบคอบเท่านั้น หลังวันที่ 23 พฤษภาคมเราก็จะดำเนินการต่อ พร้อมทั้งขอเรียนให้ทราบว่า นอกจากกรมสอบสวนคดีพิเศษจะไปสรุป และหาหลักฐานเพิ่มเติมในการลงเรืออีกครั้ง ทางอาจารย์ปานเทพอยากทดสอบเรื่องแสงเงาของ แตงโม-นิดาที่ร้องเพลงครั้งสุดท้ายในชีวิต เนื่องจากอยากหาคำตอบว่าแสงเงาดังกล่าว เกิดจากแสงในลักษณะที่มีเรืออีกลำหนึ่ง หรือมีอีกบุคคลหนึ่งเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยเฉพาะเสียงที่พูดว่าเอาเพื่อนมานี่ ซึ่งยังเป็นปริศนาอยู่พร้อมทั้งยกเครดิตการหาความจริงครั้งนี้ให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเชื่อว่า พวกเราทุกคนอยากเห็นความจริง และความจริงจะทำให้ เราสามารถนำไปสู่การ ให้ความเป็นธรรมกับการเสียชีวิตของแตงโม-นิดาให้ดีที่สุด ย้ำว่าไม่ได้หยุดนิ่งและเดินหน้าต่อ